posttoday

นักลงทุนรายใหญ่ หาผลตอบแทนอย่างไร ช่วงตลาดไม่ไปไหน

02 มิถุนายน 2567

นับจากต้นปีจนถึงวันนี้ ผ่านมาเกือบจะครึ่งปีของพ.ศ. 2567 ตลาดหุ้นไทยยังเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่ทำผลตอบแทนได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง

     โดยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี -3.18% และมีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ -9.51% (วันที่ 22 พ.ค. 67) ทำให้เห็นได้ว่า เป็นอีกปีที่ท้าทายในการลงทุนเนื่องจากตลาดยัง Sideways ไร้ทิศทาง และไม่มีโมเมนตั้มเชิงบวกมาช่วยผลักดันตลาด

     ในสถานการณ์แบบนี้ ปัจจุบันโลกการลงทุนมีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบโจทย์ในสภาวะตลาดซึม ๆ ไม่ไปไหนอยู่เหมือนกัน โดยที่นักลงทุนยังสามารถสร้างกระแสเงินสดจากดอกเบี้ยรายเดือนที่อัตราผลตอบแทนประมาณ 8-15% ต่อปี นั่นก็คือ Fixed Coupon Note หรือ FCN โดย FCN เป็นเครื่องมือการลงทุนที่มีแต้มต่อให้กับนักลงทุนหากในสภาวะที่ราคาหุ้นอาจจะย่อตัวลง 10-15% แต่นักลงทุนที่ลงทุนใน FCN ก็จะยังไม่ขาดทุน หากราคาหุ้นไม่ปรับตัวต่ำกว่าราคา Knock In  ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยบริหารพอร์ตในสภาวะตลาดไม่เป็นใจได้เป็นอย่างดี

      การที่เราใช้เครื่องมือ FCN ก็เปรียบเสมือนว่า เรามีอาวุธทั้งดาบและโล่ออกไปลุยกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน โดยเสน่ห์ของการลงทุนใน FCN คือ นักลงทุนสามารถล็อคดอกเบี้ยสร้างผลตอบแทนที่ต้องการได้ตามการกำหนดหุ้นอ้างอิง รวมถึงการสร้างกรอบราคา Knock In ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงขาลงได้ในระดับหนึ่ง หากกังวลว่า ราคาหุ้นนั้นมีโอกาสปรับตัวลงมาหรือย่อตัวลงแรง เราก็สามารถกำหนดราคา Knock In ให้ลึกขึ้น ซึ่งเปรียบเสมือนเกราะป้องกันให้หนาขึ้น อย่างไรก็ตามยิ่งกำหนดราคา Knock In จะส่งผลให้ดอกเบี้ยที่ได้รับลดลงตามกลไกด้วย เพราะฉะนั้นเราควรจะกำหนดราคา Knock In อย่างไรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และได้รับดอกเบี้ยในระดับที่พึงพอใจและสมเหตุสมผล

     การกำหนดกลยุทธ์ในการตั้งราคา Knock In ในสภาวะที่ราคาหุ้นปรับตัวลงไปแล้วในระดับหนึ่งและเกิดการรีบาวน์กลับขึ้นมาจะแสดงให้เห็นว่า ราคาหุ้นตัวนั้นมีแนวรับ ซึ่งก็คือจุดต่ำสุดในรอบที่ราคาหุ้นปรับตัวลงครั้งก่อนหน้า โดยนักลงทุนที่ลงทุนใน FCN อาจใช้กลยุทธ์ในวางกรอบราคา Knock In ให้ต่ำกว่าราคาที่แนวรับก่อนหน้าได้ โดยมีมุมมองว่า หากราคาหุ้นปรับลงในรอบนี้ ราคาน่าจะดีดตัวที่แนวรับ (ไม่ทำจุดต่ำสุดใหม่) นั่นเอง

ตัวอย่างราคาหุ้น OSP (As of  21 พ.ค. 2567)

นักลงทุนรายใหญ่ หาผลตอบแทนอย่างไร ช่วงตลาดไม่ไปไหน

     จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า ราคาหุ้น OSP ปรับตัวลงในช่วงปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้ ราคามีการทำ Double Bottom ที่แนวรับที่ราคาประมาณ 18.40 – 18.50 บาท โดยที่ราคานี้การเคลื่อนไหวของหุ้นมีการดีดตัวกลับขึ้นมาทั้ง 2 ครั้ง โดยเราสามารถใช้ราคา 18.30 บาท เป็นแนวรับในรอบนี้ได้ ซึ่งหากสังเกตแนวโน้มราคาหุ้นระยะกลาง ราคาหุ้นก็ยังอยู่ในช่วง Sideways เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ

     โดยการลงทุนใน FCN นั้น เราสามารถออกแบบราคา Knock In ให้ใกล้เคียงหรือต่ำกว่าแนวรับได้ โดยในตัวอย่างเราตั้งระดับ Knock In ไว้ที่ 85% เท่ากับราคาหุ้นสามารถลงมาได้ถึง 18.36 บาท ซึ่งดูแล้วมีช่วงราคาให้หุ้นนั้นปรับตัวลงมาได้พอสมควร และยังสามารถลดความเสี่ยงหากเรามองว่าถ้าราคาหุ้นย่อตัวลงมารอบนี้จะไม่ต่ำกว่าแนวรับครั้งล่าสุด สำหรับ FCN อายุ 6 เดือนบนหุ้น OSP ดอกเบี้ยอยู่ที่ประมาณ 7% ต่อปี โดยนักลงทุนสามารถเลือกรับดอกเบี้ยเป็นรายเดือนหรือราย 2 สัปดาห์ได้ด้วยตนเอง

     ถ้าตีความกลมๆ เราอาจใช้ FCN เป็นเครื่องมือสร้างกระแสเงินสดรายเดือน หรือทุก 2 สัปดาห์ได้อย่างต่อเนื่อง โดยที่ไม่ต้องคอยเปิดจอจับจังหวะซื้อขายหุ้นเอง โดยเฉพาะในภาวะตลาด SET บ้านเราเคลื่อนตัวออกข้างมาครึ่งปีแล้ว อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Knock In ที่เปรียบเสมือนโช๊คอัพการลงทุนที่ต่อให้หุ้นลงมาในระหว่างสัญญา FCN แต่ตราบใดที่ราคาหุ้นอ้างอิงยังอยู่เหนือราคา Knock In นักลงทุนก็ยังไม่ขาดทุน เพราะมีโช๊คอัพที่พยุงอยู่นั่นเอง อ่านกลไกการลงทุน FCN อย่างละเอียดที่นี่ https://bls.tips/fcnsharing

     อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ FCN เป็นตราสารที่ไม่มีการคุ้มครองเงินต้น ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจเงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้แนะนำการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่าน หรือ BLS Customer Service โทร. 0 2618 1111 

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด ไบรท์ตัน พบ ซันเดอร์แลนด์ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68