ทำไม? ไตรมาส 2 ปี 67 ตลาดหุ้นถึงน่าลงทุน
เผลอแป๊บเดียวเราก็กำลังเข้าสู่ไตรมาส 2 ของปีกันแล้ว มีใครกำลังรู้สึกไหมว่า เวลาช่างผ่านไปไวเหลือเกิน ถ้าหากกำลังรู้สึกแบบนั้น นั่นหมายความว่า เรากำลังมีความสุข โดยเฉพาะกับโลกการลงทุนที่มองอะไรก็เป็นสีเขียว
เพราะในช่วงไตรมาส 1 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปนั้น ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างให้ผลตอบแทนเป็นบวก จนทำให้นักลงทุนต่างพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ (แต่อาจจะต้องยกเว้นตลาดหุ้นไทย)
แต่ความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ และสำหรับนักลงทุน คำถามสำคัญ หลังจากไตรมาส 1 ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกให้ผลตอบแทนเป็นสีเขียวขจี แล้วไตรมาส 2 จะยังสามารถบวกต่อไปได้หรือไม่ วันนี้หลักทรัพย์บัวหลวง จะพาทุกท่านไปหาคำตอบผ่าน 3 มุมมองการลงทุน ดังนี้
1. วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
2. ส่องตลาดหุ้นไหนแพงไหนถูก กำไรใครเจ๋ง ใครเจ๊ง (เจ้ามือตัวจริงของตลาดหุ้น)
3. ข้อมูลเชิงสถิติย้อนหลัง
มาดูกันที่ประเด็นแรก การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เราขอโฟกัสไปที่แนวโน้มเงินเฟ้อ เศรษฐกิจ และดอกเบี้ยสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ตลาดจะให้น้ำหนักต่อการลงทุน
ซึ่งมุมมองต่อ 3 ปัจจัยดังกล่าว หากพิจารณาจากมุมมอง Global Funds House ทั่วโลก คาดว่าแนวโน้มเงินเฟ้อมีทิศทางชะลอตัวลดลง เศรษฐกิจจะสามารถ Soft Landing มากกว่า Hard Landing ซึ่งเป็นเพียงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ขณะที่เฟดจบดอกเบี้ยขาขึ้น และจะเริ่มลดดอกเบี้ยในครึ่งปีแรกหรือกลางปี 2567 นั่นหมายความปัจจัยดังกล่าวน่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนต่อไปได้
เมื่อนำมาพิจารณากับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ออกมาล่าสุดเป็นรอบการประชุมเดือน มี.ค.นี้ ทุกอย่างคล้ายเดิม เพิ่มเติมคือ มองดีขึ้น “เฟดคงดอกเบี้ย มองเศรษฐกิจดี ไม่กังวลเงินเฟ้อ คาดลดดอก 3 ครั้งในปีนี้ ”
ยิ่งเพิ่มปัจจัยบวกหนุนนำต่อตลาดหุ้นต่อ
ประเด็นที่ 2 ส่องตลาดหุ้นไหนแพงไหนถูก กำไรใครเจ๋ง ใครเจ๊ง (เจ้ามือตัวจริงของตลาดหุ้น) โดยส่วนใหญ่กำไรของบริษัทในตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัวและเติบโตได้ดี เรียกว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการที่จะทำให้ตลาดหุ้นยังสามารถขึ้นต่อไปได้ แต่บางตลาดอาจมี Valuation หรือมูลค่าที่ค่อนข้างตึงตัว โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ และญี่ปุ่น
และประเด็นที่ 3 ถ้าหากนำข้อมูลเชิงสถิติย้อนหลัง 10 ปีมาดูจะพบว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกมักให้ผลตอบแทนเป็นบวกในไตรมาส 2 โดยในเดือนเม.ย. โอกาสที่ตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูงถึง 90%
โดยอีกหนึ่งสถิติที่น่าสนใจ หากตลาดเกิดการปรับฐานขึ้น แต่อยู่ในภาวะ Bull Market มักจะลงได้ไม่ค่อยลึก ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงไม่เกิน 10% มองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน
นั่นหมายความว่า ไตรมาส 2 ที่กำลังจะมาถึง หากเราพิจารณาจาก 3 มุมมองการลงทุนดังกล่าว จะสรุปได้ว่าทำไมไตรมาส 2 ถึงยังน่าลงทุน เพราะยังมีปัจจัยบวกจาก
1. แนวโน้มเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง
2. เศรษฐกิจไม่ได่แย่ ตัวเลขต่าง ๆ ยังออกมาสูงกว่าคาดได้
3. เฟดจบรอบดอกเบี้ยขาขึ้น ยังส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งในปีนี้
4. กำไรของบริษัทอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัวและเติบโตได้ดี
5. Valuation ของบางตลาดหุ้นยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
โดยเน้นกลยุทธ์การลงทุน Buy on Dip ซื้อเมื่อย่อตัวในตลาดหุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนนำ กำไรยังโตต่อ และมี Valuation ที่ยังไม่แพง สำหรับกองทุนตัวท็อปที่รายงาน BLS Top Funds ของหลักทรัพย์บัวหลวง แนะนำมีตามภาพด้านล่าง
หากนักลงทุนสนใจการจัดพอร์ต ก็สามารถเลือกลงทุนกับ BLS Auto Asset Allocation Top Funds Portfolio ซึ่งเป็นบริการจัดพอร์ตลงทุนอัตโนมัติที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลก โดยไม่ต้องเสียเวลาคัดเลือกกองทุนเอง และปรับพอร์ตให้อัตโนมัติ โดยผลงานพอร์ตของเราที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2566 ให้ผลตอบแทนสูงสุด +12.28%
สำหรับไตมาส 2 มักเป็น High Season ของพอร์ตเงินปันผล Dividend Income Asset Allocation (DAA) ที่มักจะจ่ายเงินปันผลได้สูงและจำนวนครั้งที่ถี่ จึงเป็นโอกาสที่ดี เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่อยากสร้างกระแสเงินสดระหว่างทางจากเงินปันผล โดยปีที่ผ่านมาพอร์ต DAA จ่ายเงินปันผลถึง 11 ครั้ง คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผลหลังหักภาษีอยู่ที่ 3.62% สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม BLS Customer Service โทร. 0 2618 1111