posttoday

ทำไม? ไตรมาส 2 ปี 67 ตลาดหุ้นถึงน่าลงทุน

07 เมษายน 2567

เผลอแป๊บเดียวเราก็กำลังเข้าสู่ไตรมาส 2 ของปีกันแล้ว มีใครกำลังรู้สึกไหมว่า เวลาช่างผ่านไปไวเหลือเกิน ถ้าหากกำลังรู้สึกแบบนั้น นั่นหมายความว่า เรากำลังมีความสุข โดยเฉพาะกับโลกการลงทุนที่มองอะไรก็เป็นสีเขียว

เพราะในช่วงไตรมาส 1 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปนั้น ตลาดหุ้นทั่วโลกต่างให้ผลตอบแทนเป็นบวก จนทำให้นักลงทุนต่างพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ (แต่อาจจะต้องยกเว้นตลาดหุ้นไทย)

แต่ความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ และสำหรับนักลงทุน คำถามสำคัญ หลังจากไตรมาส 1 ที่ตลาดหุ้นทั่วโลกให้ผลตอบแทนเป็นสีเขียวขจี แล้วไตรมาส 2 จะยังสามารถบวกต่อไปได้หรือไม่ วันนี้หลักทรัพย์บัวหลวง จะพาทุกท่านไปหาคำตอบผ่าน 3 มุมมองการลงทุน ดังนี้

1. วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน

2. ส่องตลาดหุ้นไหนแพงไหนถูก กำไรใครเจ๋ง ใครเจ๊ง (เจ้ามือตัวจริงของตลาดหุ้น)

3. ข้อมูลเชิงสถิติย้อนหลัง

มาดูกันที่ประเด็นแรก การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เราขอโฟกัสไปที่แนวโน้มเงินเฟ้อ เศรษฐกิจ และดอกเบี้ยสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ตลาดจะให้น้ำหนักต่อการลงทุน

ซึ่งมุมมองต่อ 3 ปัจจัยดังกล่าว หากพิจารณาจากมุมมอง Global Funds House ทั่วโลก คาดว่าแนวโน้มเงินเฟ้อมีทิศทางชะลอตัวลดลง เศรษฐกิจจะสามารถ Soft Landing มากกว่า  Hard Landing ซึ่งเป็นเพียงแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ขณะที่เฟดจบดอกเบี้ยขาขึ้น และจะเริ่มลดดอกเบี้ยในครึ่งปีแรกหรือกลางปี 2567 นั่นหมายความปัจจัยดังกล่าวน่าจะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนต่อไปได้

เมื่อนำมาพิจารณากับผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ออกมาล่าสุดเป็นรอบการประชุมเดือน มี.ค.นี้ ทุกอย่างคล้ายเดิม เพิ่มเติมคือ มองดีขึ้น “เฟดคงดอกเบี้ย มองเศรษฐกิจดี ไม่กังวลเงินเฟ้อ คาดลดดอก 3 ครั้งในปีนี้ ” 
ยิ่งเพิ่มปัจจัยบวกหนุนนำต่อตลาดหุ้นต่อ

ทำไม? ไตรมาส 2 ปี 67 ตลาดหุ้นถึงน่าลงทุน

ประเด็นที่ 2 ส่องตลาดหุ้นไหนแพงไหนถูก กำไรใครเจ๋ง ใครเจ๊ง (เจ้ามือตัวจริงของตลาดหุ้น) โดยส่วนใหญ่กำไรของบริษัทในตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัวและเติบโตได้ดี เรียกว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการที่จะทำให้ตลาดหุ้นยังสามารถขึ้นต่อไปได้ แต่บางตลาดอาจมี Valuation หรือมูลค่าที่ค่อนข้างตึงตัว โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ และญี่ปุ่น

และประเด็นที่ 3 ถ้าหากนำข้อมูลเชิงสถิติย้อนหลัง 10 ปีมาดูจะพบว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกมักให้ผลตอบแทนเป็นบวกในไตรมาส 2 โดยในเดือนเม.ย. โอกาสที่ตลาดหุ้นโลกให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูงถึง 90%

โดยอีกหนึ่งสถิติที่น่าสนใจ หากตลาดเกิดการปรับฐานขึ้น แต่อยู่ในภาวะ Bull Market มักจะลงได้ไม่ค่อยลึก ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงไม่เกิน 10% มองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน

นั่นหมายความว่า ไตรมาส 2 ที่กำลังจะมาถึง หากเราพิจารณาจาก 3 มุมมองการลงทุนดังกล่าว จะสรุปได้ว่าทำไมไตรมาส 2 ถึงยังน่าลงทุน เพราะยังมีปัจจัยบวกจาก

1.    แนวโน้มเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง

2.    เศรษฐกิจไม่ได่แย่ ตัวเลขต่าง ๆ ยังออกมาสูงกว่าคาดได้

3.    เฟดจบรอบดอกเบี้ยขาขึ้น ยังส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยได้ 3 ครั้งในปีนี้

4.    กำไรของบริษัทอยู่ในแนวโน้มฟื้นตัวและเติบโตได้ดี

5.    Valuation ของบางตลาดหุ้นยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ

โดยเน้นกลยุทธ์การลงทุน Buy on Dip ซื้อเมื่อย่อตัวในตลาดหุ้นที่มีปัจจัยบวกหนุนนำ กำไรยังโตต่อ และมี Valuation ที่ยังไม่แพง สำหรับกองทุนตัวท็อปที่รายงาน BLS Top Funds ของหลักทรัพย์บัวหลวง แนะนำมีตามภาพด้านล่าง

ทำไม? ไตรมาส 2 ปี 67 ตลาดหุ้นถึงน่าลงทุน

หากนักลงทุนสนใจการจัดพอร์ต ก็สามารถเลือกลงทุนกับ BLS Auto Asset Allocation Top Funds Portfolio ซึ่งเป็นบริการจัดพอร์ตลงทุนอัตโนมัติที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภททั่วโลก โดยไม่ต้องเสียเวลาคัดเลือกกองทุนเอง และปรับพอร์ตให้อัตโนมัติ โดยผลงานพอร์ตของเราที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2566 ให้ผลตอบแทนสูงสุด +12.28%

สำหรับไตมาส 2 มักเป็น High Season ของพอร์ตเงินปันผล Dividend Income Asset Allocation (DAA) ที่มักจะจ่ายเงินปันผลได้สูงและจำนวนครั้งที่ถี่ จึงเป็นโอกาสที่ดี เหมาะสมสำหรับนักลงทุนที่อยากสร้างกระแสเงินสดระหว่างทางจากเงินปันผล โดยปีที่ผ่านมาพอร์ต DAA จ่ายเงินปันผลถึง 11 ครั้ง คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผลหลังหักภาษีอยู่ที่ 3.62% สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม BLS Customer Service โทร. 0 2618 1111