posttoday

เผยเคล็ดลับการทำระบบบัญชี-ภาษี พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์

20 มีนาคม 2567

ช่องทางออนไลน์เป็นสื่อกลางในการค้าขายสินค้าและบริการ เพื่อลดต้นทุนในการเปิดหน้าร้าน ควรมีการวางระบบแบบแผนเตรียมความพร้อมทางด้านข้อมูลเบื้องต้น ดังนั้นถ้าเข้าใจหลักการเบื้องต้น โอกาสในการทำการค้าก็จะมีมากขึ้น และไม่ต้องแบกความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น

          การเลือกใช้ช่องทางออนไลน์เป็นสื่อกลางในการค้าขายสินค้าและบริการ ไม่ว่าจะเป็นการขยายฐานลูกค้าควบคู่ไปกับการเปิดหน้าร้านทำการซื้อขายโดยไร้ข้อจำกัดด้านพื้นที่ เวลา อีกทั้งเพื่อลดต้นทุนในการเปิดหน้าร้าน ซึ่งสามารถจัดการดูแลได้ง่ายก็ตาม สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยหลักสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่หันมาเปิดร้านค้าแบบออนไลน์กันมากขึ้น

          นอกจากนี้สิ่งที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จะต้องทำก็คือ การวางระบบแบบแผนต่างๆ รวมถึงการเตรียมความพร้อมทางด้านข้อมูลเบื้องต้นที่จำเป็นต้องทำอีกด้วย ดังนั้นเมื่อพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์เข้าใจหลักการเบื้องต้น โอกาสในการทำการค้าก็จะมีมากขึ้น พร้อมกับไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นหากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไม่ได้เตรียมตัว แล้วการวางระบบสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์นี้มีอะไรบ้าง ลองมาค้นคว้าหาคำตอบไปพร้อมๆ กันได้เลยดังนี้

พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์อย่าลืมทำบัญชีรายรับ รายจ่าย และเปิดบัญชีธนาคาร

          เรื่องของการทำบัญชีค่าใช้จ่าย เงินทุนต่างๆ รวมทั้งรายได้ กำไรที่ได้รับต่อวัน ต่อสัปดาห์ และต่อเดือนจะช่วยให้เห็นภาพรวม ตั้งแต่การเริ่มต้นขายของออนไลน์ว่ามีผลประกอบการไปในทิศทางไหน ซึ่งตามหลักการแล้วพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของออนไลน์ในนามบุคคลธรรมดา ไม่มีความจำเป็นต้องทำบัญชีรายรับ รายจ่าย หากทราบรายรับรายจ่ายที่แน่นอน สามารถยื่นแบบภาษีได้อย่างถูกต้อง และเลือกหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาได้ 

          แต่ถ้าหากมีรายได้สูงอาจต้องลงบันทึกรายรับรายจ่ายไว้เพื่อประกอบการยื่นแบบภาษี โดยเฉพาะถ้าเลือกหักค่าใช้จ่ายตามจริง ก็ต้องเก็บเอกสาร ใบเสร็จต่างๆ ไว้ให้ครบ โดยแนวทางการทำบัญชีรายรับรายจ่ายขายของออนไลน์ในนามบุคคลธรรมดา สามารถอธิบายได้ดังนี้

          1.จัดทำบัญชีรายรับรายจ่าย โดยใช้แบบฟอร์มชื่อรายงานเงินสดรับ-จ่าย และสามารถเพิ่มช่องรายการได้ตามเหมาะสมกับกิจการได้

          2.จัดทำเป็นภาษาไทย โดยหากทำเป็นภาษาอื่นต้องมีภาษาไทยกำกับด้วย

          3.ต้องบันทึกภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันที่รับและจ่ายเงิน

          4.รายการที่จะนำมาลงในรายงาน ประกอบด้วย ยอดสรุปในแต่ละวัน เอกสารใบเสร็จต่างๆ รายจ่าย ค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน

          5.ให้สรุปยอดรายรับและรายจ่ายเป็นรายเดือน เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา    

          นอกจากนี้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ควรเปิดบัญชีสำหรับการทำธุรกิจและแยกออกจากบัญชีส่วนตัว เพื่อง่ายต่อการเก็บรวบรวมรายรับรายจ่ายต่างๆ ของการขายของออนไลน์ ลดการสับสนของรายได้อีกด้วย

พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ควรจัดทำสต็อกสินค้า พร้อมนำส่งภาษีให้ถูกต้อง 

          สิ่งสำคัญที่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จะต้องทำคือ การทำสต็อกสินค้า ซึ่งการทำสต็อกสินค้านั้นช่วยให้ทราบถึงต้นทุนที่แท้จริง ขายไปเท่าไหร่ เหลือเท่าไหร่ มีกำไรหรือไม่ การทำสต็อกสามารถบอกรายละเอียดให้กับธุรกิจได้ดีทีเดียว

          นอกจากนี้ในเรื่องของภาษีก็มีความสำคัญเช่นกัน หากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในนามบุคคลธรรมดา เลือกหักค่าใช้จ่ายตามจริง และต้องเก็บเอกสารต่างๆ ให้ครบถ้วน หรือในกรณีที่ฐานภาษีที่ต้องเสียสูงกว่า 20% อาจต้องพิจารณาเรื่องการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และบันทึกบัญชีรายรับรายจ่าย โดยแยกตามรูปแบบการเสียภาษีได้ดังนี้

          1.บุคคลธรรมดา ควรจดบันทึก ทำบัญชีรายรับรายจ่ายไว้ตลอด เพื่อให้ทราบรายละเอียดในแต่ละธุรกรรมที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็น ต้นทุน รวมถึงกำไรที่ได้รับ ซึ่งสามารถทำบันทึกรายรับรายจ่ายและยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วยตนเองได้

          2.นิติบุคคล กฎหมายกำหนดว่า ผู้มีรายได้ที่จดทะเบียนนิติบุคคลจะต้องมีการทำบัญชีภาษีตามกฎหมายกำหนด เพื่อบันทึกรายการค้าขายต่างๆ ที่เกิดขึ้นของกิจการ จำแนกและสรุปผลให้ได้ข้อมูลทางบัญชี เพื่อนำส่งให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและสรรพากรด้วย

          กล่าวโดยสรุป พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่เป็นบุคคลธรรมดาควรมีการจัดระบบธุรกิจให้ดีและถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำรายรับรายจ่าย สต็อกสินค้า รวมถึงการนำส่งภาษี แต่ทั้งนี้การทำบัญชีสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนนิติบุคคล ไม่สามารถใช้เอกสารและหลักเกณฑ์การบันทึกบัญชีรายรับรายจ่ายการขายของออนไลน์ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นนี้ได้ จำเป็นต้องมีผู้ทำบัญชีที่มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดเข้ามาดูแล 

          ซึ่งการยื่นภาษีให้ถูกต้องตรงเวลาและการจัดทำระบบธุรกิจออนไลน์ให้ถูกต้อง อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ และใครที่คิดจะอยู่นอกระบบภาษีเหมือนแต่ก่อนคงทำได้ยากขึ้น เพราะตอนนี้แพลตฟอร์มต้องแจ้งรายละเอียดว่าได้รับค่าธรรมเนียม ค่านายหน้ามาจากพ่อค้าแม่ค้ารายใด เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ คำนวณจากธุรกรรมมีมูลค่ากี่บาท โดยข้อมูลจะถูกส่งต่อไปที่กรมสรรพากรโดยตรง จึงทำให้สรรพากรรู้ตัวคนขายและรายได้ที่ชัดเจนด้วย

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่  Inflow Accounting