posttoday

บีโอไอปักธงดันไทยสู่ Digital & Creative Hub แบบครบวงจร

09 มกราคม 2567

หลังอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ในตลาดโลกเติบโตขึ้นอย่างมาก จึงเป็นโอกาสสำคัญที่บีโอไอปักธงผลักดันให้ประเทศไทยสู่ Digital & Creative Hub ด้วยการส่งเสริมแบบครบวงจรผ่านมุมมองของนฤชา ฤชุพันธุ์

จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด รวมถึงพฤติกรรมการบริโภคสื่อต่าง ๆ ผ่านคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ทโฟนที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะในสื่อด้านดิจิทัลคอนเทนต์ เช่น แอนิเมชัน เกม ภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ การ์ตูนคาร์แรคเตอร์ รวมไปถึงสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อการเรียนรู้ (e-Learning) ส่งผลให้อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ในตลาดโลกเติบโตขึ้นอย่างมาก รวมถึงประเทศไทยด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้บีโอไอมีแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการลงทุน ตามยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566 - 2570) ที่มีเป้าหมายเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศในระยะยาว ที่มีอุตสาหกรรมดิจิทัลและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ยุทธศาสตร์ที่ไทยมีศักยภาพ และสามารถก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาคได้ 

ทั้งนี้อุตสาหกรรมดิจิทัล เป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อนในการเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เป็นอุตสาหกรรมที่นำความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมรวมถึงพื้นฐานทางวัฒนธรรมมาเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าหรือบริการ โดยทั้งสองอุตสาหกรรมจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจสำคัญที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

โดยบีโอไอได้กำหนดนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ให้ครอบคลุมโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลอย่างครบวงจร การส่งเสริมการลงทุนทั้งผู้ผลิตเนื้อหา (Content Creator) และผู้ให้บริการ (Service Provider)  การส่งเสริมบุคลากรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงการสร้างระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ จะช่วยผลักดันให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์เพิ่มขึ้น

นโยบายบีโอไอกับการส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัลและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์

1. การส่งเสริมการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เช่น Data Center, Cloud Service, Submarine Cable, Digital Park, Incubation Center, Maker Space หรือ Fabrication Lab, Co-working Space, ศูนย์พัฒนาบุคลากรด้านเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงกิจการพัฒนา Smart City

2. การส่งเสริมกิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล หรือ ดิจิทัลคอนเทนต์ โดยยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น 8 ปี และเปลี่ยนวิธีการกำหนดวงเงินยกเว้นภาษี จากเดิมอิงตามมูลค่าสินทรัพย์ มาเป็นการอิงตามค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ทั้งค่าจ้างและค่าฝึกอบรม รวมทั้งค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้ใบรับรองมาตรฐาน

นอกจากนี้ ยังได้ขยายขอบข่ายรายได้ที่ได้รับสิทธิ จากเดิมที่ให้เฉพาะรายได้จากการจำหน่าย เช่า ใช้ซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์ม ขยายให้ครอบคลุมถึงค่าโฆษณา ซึ่งกลายมาเป็นรายได้สำคัญของธุรกิจดิจิทัลในปัจจุบัน

3. การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการนำซอฟต์แวร์ ระบบ ERP หรือระบบ IT อื่นๆ เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรหรือสายการผลิต หรือเชื่อมโยงข้อมูลกับระบบออนไลน์ของรัฐ เช่น National E–Payment หรือประยุกต์ใช้ AI, Machine Learning, Big Data หรือ Data Analytics โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้ 3 ปี ในสัดส่วน 50% ของเงินลงทุน

4. มาตรการ Smart Visa เพื่อดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้านดิจิทัล และกลุ่มสตาร์ตอัปที่มีศักยภาพจากต่างประเทศ
5. การให้เงินสนับสนุนค่าจ้างบุคลากรแก่สตาร์ตอัปจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

‘เกม’ ผู้เล่นหลักในตลาดดิจิทัลคอนเทนต์
อุตสาหกรรมเกม มีส่วนสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 85% โดยในปี 2565 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 34,000 ล้านบาท และยังเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยแรงสนับสนุนสำคัญจากเทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยให้ประสบการณ์การเล่นเกมดีขึ้น ค่านิยมของการเล่นเกมที่เปลี่ยนจากการเล่นเกมที่เปลี่ยนจากการเล่นเพื่อความบันเทิงสู่การสร้างอาชีพใหม่ในปัจจุบัน รวมถึงการส่งเสริมจากภาครัฐและภาคเอกชนที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากอุตสาหกรรมเกมที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบันแล้ว แนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมแอนิเมชัน คอมพิวเตอร์กราฟิก (Computer Graphic) วิชวลกราฟิก (Visual Graphic) การพัฒนาตัวคาแรกเตอร์ ตลอดจนเทคโนโลยีใหม่อย่าง AR (Augmented Reality) และ VR (Virtual Reality) ยังเป็นส่วนสนับสนุนและส่งเสริมให้อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ของไทยมีโอกาสเติบโต และพัฒนาไปได้อีกมาก” 

บุคลากร คือหัวใจสำคัญ
ปัจจุบัน ทุกประเทศให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งมีบุคลากรเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันให้อุตสาหกรรมนี้เติบโต ด้วยทักษะของบุคลากรด้านการทำดิจิทัลคอนเทนต์มีคุณภาพใกล้เคียงกัน ภาครัฐของแต่ละประเทศจึงให้สิทธิประโยชน์เพื่อดึงดูดผู้มีความสามารถจากทั่วโลกเข้าไปทำงาน และชักจูงการลงทุนจากต่างประเทศให้มาลงทุนในประเทศตนมากขึ้น

ทั้งนี้นอกจากสิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อส่งเสริมกิจการดิจิทัลคอนเทนต์แล้วบีโอไอยังให้การส่งเสริมเรื่องการฝึกอบรมบุคลากรโดยร่วมมือกับสถาบันต่าง ๆ ในการพัฒนาบุคลากร รวมถึงให้สิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับผู้ประกอบการ เพราะบีโอไอมีความเชื่อว่าคนที่เป็นเทรนเนอร์ได้ดีที่สุดคือบริษัทเอง ฉะนั้น ถ้าบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมพนักงาน ไม่ว่าจะเป็น Upskill หรือ Reskill สามารถมาขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมจากบีโอไอได้ 

ส่งเสริมผู้ผลิตคอนเทนต์ไทยทุกระดับ
อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์เป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสในการสร้างรายได้และสร้างซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ การสนับสนุนอุตสาหกรรมนี้ด้วยนโยบายภาครัฐ การลงทุนของผู้ประกอบการ รวมไปถึงความต้องการของผู้บริโภค เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมนี้เติบโต จากการให้การส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัลตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้นมา ยังมีผู้ประกอบการดิจิทัลคอนเทนต์ยื่นคำขอรับการสนับสนุนการลงทุนไม่มากนัก ทั้งที่ในตลาดมีผู้เล่นอยู่จำนวนมาก 

อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ผู้ประกอบการอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าบีโอไอให้การส่งเสริมเฉพาะบริษัทใหญ่ แต่จริง ๆ บีโอไอส่งเสริมและให้สิทธิประโยชน์กับธุรกิจขนาดเล็กมากกว่า เช่น สามารถใช้เครื่องจักรเก่าหรือใช้คอมพิวเตอร์ที่มีอยู่เดิมเพื่อผลิตงาน โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มก็สามารถมาขอรับการส่งเสริมได้

ดังนั้นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยเฉพาะผู้ผลิตดิจิทัลคอนเทนต์ แม้ว่าจะผลิตคอนเทนต์มาจำนวนมากแล้วก็มีโอกาสขอรับการส่งเสริมจากบีโอไอได้ หากมีโปรดักต์ใหม่หรือพัฒนาฟีเจอร์ใหม่สำหรับโปรดักต์เดิม ซึ่งส่วนผลิตใหม่นั้น สามารถนำมาขอรับการสนับสนุนเพื่อช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานต่าง ๆ ของบริษัทได้

โดย: นฤชา ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษาด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ 

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ