ทำไม “ความหลากหลายและเท่าเทียม” ถึงเป็นเรื่องใหญ่ในวงการสตาร์ทอัพ?
เปิดเหตุผลที่ “ความหลากหลายและความเท่าเทียม หรือ Diversity & Inclusion (D&I) จึงเป็นเรื่องที่สตาร์ทอัพต้องใส่ใจ และยังเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนอีกด้วย
ทุกองค์กรอยากได้คนเก่งและดีมาทำงานด้วย แต่ละองค์กรก็มีกลยุทธ์ต่าง ๆ กันในการดึงคนที่เก่งและดีนี้มาอยู่ด้วย ในวันนี้พิ้งค์จะพูดถึงประเด็น “ความหลากหลายและความเท่าเทียม หรือ Diversity & Inclusion (D&I) ว่าทำไมถึงเป็นเรื่องที่สตาร์ทอัพต้องใส่ใจ และยังเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนอีกด้วย
ขอยกตัวอย่างหนึ่งเหตุการณ์ที่ผ่านเมื่อไม่นานมานี้ คือเรื่องของการเรียกร้องและสร้างความตระหนักรู้ เพื่อจัดการให้เกิดความเท่าเทียมกัน และความหลากหลายในองค์กร
Diversity & Inclusion (D&I) กับ The Great Resignation
เป็นกระแสที่เกิดขึ้นทั่วโลก และกระแสนี้ถูกผลักดันด้วยคนรุ่นใหม่ ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มสตาร์ทอัพที่เป็นแหล่งรวบรวม Young Gen กลุ่มนี้ ย่อมให้ผลการตอบรับในการทำนโยบายนี้อย่างดี เพื่อรับมือกับความไม่เสมอภาคในที่ทำงานและรักษาคนที่มีความสามารถสูงไว้
ยิ่งหลังช่วงโควิดที่ผ่านมา ทั้งเทคสตาร์ทอัพและคนในอุตสาหกรรมประสบปัญหาเป็นอย่างมากจากกระแส “การลาออกครั้งใหญ่” (The Great Resignation) ซึ่งกลุ่มคนที่มีส่วนมากที่ทำให้เกิดสถานการณ์นี้ เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติแบบไม่เท่าเทียมกันในสังคม เช่น กลุ่มผู้หญิง หรือกลุ่มเชื้อชาติต่างด้าว บางทีก็สัญชาติเดียวกันด้วยซ้ำที่ได้รับผลตอบแทนในการทำงานที่ไม่เท่ากับพนักงานกลุ่มปกติ
โดยเฉพาะในองค์กรพนักงานเป็นคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ D&I และมีการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ผลปรากฏว่าองค์กรเหล่านี้ มีอัตราการลาออกสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนประสบปัญหาการรักษาพนักงานที่มีฝีมือและแนวโน้มเหล่านี้คาดว่าจะเลวร้ายขึ้น หากไม่เริ่มทำนโยบายในเรื่องของ D&I
อีกปรากฏการณ์หนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ระดับการลงทุนในองค์กรที่มีนโยบาย D&I ที่ชัดเจน มีจำนวนเม็ดเงินการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
จากรูปภาพประกอบด้านบน แสดงให้เห็นว่ากระแส D&I ทำให้กลุ่มผู้ลงทุน Venture Capital (VC) ที่ทำการลงทุนในสตาร์ทอัพให้ความสำคัญกับสตาร์ทอัพที่มีการทำ D&I อย่างมีนัยสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลังได้มีโอกาสไปเข้าสัมมนาที่พูดโดยคุณปิยบุตร จารุเพ็ญ Managing Director จาก Bangkok Industrial Gas (BIG) ที่พูดเกี่ยวกับ D&I ไว้อย่างน่าสนใจ คือทางองค์กร BIG มีการให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กรด้าน D&I โดยมีส่วนประกอบ คือ
● ความหลากหลาย (Diversity) - การมีความแตกต่างและหลากหลายในระดับลักษณะเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละบุคคล
● ความเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่ม (Inclusive) - การให้ความเสมอภาคและโอกาสที่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคนในมิติต่าง ๆ เช่นสวัสดิการและโอกาส
● ความเป็นส่วนหนึ่งกับองค์กร (Belonging) - การสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและเกี่ยวข้องกับองค์กร
BIG มีสโลแกนประจำองค์กรว่า #YouBelongandMatter พนักงานทุกคนเป็นส่วนหนึ่งและมีความสำคัญ สิ่งนี้คือพันธสัญญาที่ BIG มีต่อพนักงานทุกคน ผ่านการสร้างความหมายว่า
1. ทุกคนเป็น VALUE member
2. สร้างความรู้สึก WINNING team
3. งานที่ทำเป็น MEANING work
4. สร้างสภาพแวดล้อมที่ TRUST กัน
ผู้นำองค์กรต้องเป็น Role Model สร้างองค์กรที่น้อมรับ DIB ที่สำคัญคือต้องมีการ Recognize พนักงานด้วย
จะเห็นได้ว่าความหลากหลายและการรวมกันเป็นส่วนประกอบสำคัญของสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จ สถานที่ทำงานที่หลากหลายและเปิดกว้างไม่เพียงที่จะเป็นประโยชน์ต่อพนักงานเท่านั้น แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจเองด้วย เพราะสตาร์ทอัพที่มีทีมหลากหลายสามารถตัดสินใจ และคิดหาวิธีการนวัตกรรมได้ดีกว่า
ตัวอย่างการทำ Diversity & Inclusion ได้แก่
- การลดความเหลื่อมล้ำของค่าจ้าง ในแต่ละกลุ่ม เช่น เพศ ศาสนา เชื้อชาติ
- การใช้แพลตฟอร์มการจัดหาบุคคลที่ทำให้เกิดสัดส่วนการจ้างงานที่หลากหลายและเท่าเทียมกัน
- การปฏิบัติตามนโยบาย Diversity & Inclusion และการฝึกอบรมให้เกิด Diversity & Inclusion
- การฝึกสอนและการให้คำปรึกษา
- การส่งเสริมให้เกิดการเรียกร้องและการรับรู้ด้าน Diversity & Inclusion
- การตั้งชมรมที่ส่งเสริมความหลากหลายในองค์กร
- การวัดความหลากหลาย
- ผู้หญิงในเทคโนโลยี
เมื่อมีการสร้างวัฒนธรรมให้เกิดความหลากหลายและความเท่าเทียมกันแล้ว อีกตัวอย่างที่น่าสนใจก็คือ สิ่งเหล่านี้ต้องมีเวทีให้คนแต่ละกลุ่มสามารถสื่อสารและสร้าง การรับรู้ของวัฒนธรรมเหล่านี้ได้ ขอยกตัวอย่างใกล้ ๆ ตัวในองค์กรของ BUZZEBEES ที่มีโครงการ Shout Out เพื่อให้เกิดการสื่อสารอย่างเท่าเทียมในวงกว้าง
โครงการ Shout Out ของ BUZZEBEES มีอะไรบ้าง ?
สิ่งแรกที่ทำในโครงการ Shout Out ของ BUZZEBEES คือ สื่อสารกับพนักงานออกไปว่า เรามีเวทีให้พนักงาน ได้แสดงความคิดเห็นในทุก ๆ เรื่องอย่างเปิดกว้าง โดยรับทั้งคำชมและคำติเพื่อก่อให้เกิดการสื่อสารแบบโปร่งใส โดยแบ่งออกเป็นหมวด ๆ ดังนี้
หมวดแรก Shout Our Ideas คือ สามารถเสนอไอเดียใด ๆ ก็ได้ที่เป็นนวัตกรรม ควรปรับปรุงได้ในทุกมิติไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงาน การจัดการอย่างเท่าเทียม หรือด้านสวัสดิการต่าง ๆ เช่น การรวมทีมปล่อย Side Project ที่สร้างประโยชน์ให้กับองค์กรและการเติบโตของตัวพนักงาน ถึงแม้ว่าจุดเริ่มต้นจะไม่ใช่ Core Business ก็ตาม
หมวดที่สอง Shout as Whistle Blower คือ มีช่องทางในการให้รายงานพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในทุกแง่ การได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม ซึ่งจะมีช่องทางที่ปลอดภัยให้พนักงานสามารถทำการรายงาน และไม่รู้สึกว่าถูกคุกคาม
หมวดที่สาม Shout Our Friends’ Greatness คือ การให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ซึ่งจะเป็นการให้กำลังใจเพื่อน ๆ ในที่ทำงาน เพื่อให้เกิดวัฒนธรรมความเป็นทีมเดียวกัน
ทั้งหมดนี้เป็นโครงการที่เป็นช่องทางให้พนักงานได้มีพื้นที่ในการแสดงความคิดเห็น และนอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมอื่น ๆ เช่น การจัด Pride Day ให้มาร่วมสนุกแต่งตัวส่งภาพเข้าประกวด หรือการเขียนชมเพื่อนที่สร้างแรงบันดาลใจด้านความเสมอภาค ด้านความเท่าเทียมกันในองค์กร
ตัวอย่างองค์กรสตาร์ทอัพอื่น ๆ ที่มี D&I เป็น Core Value
Slack เป็นแพลตฟอร์มการสื่อสารและการทำงานร่วมกันที่มีชื่อเสียงในวงการวัฒนธรรม D&I องค์กรได้ดำเนินการในหลาย ๆ ด้านเพื่อส่งเสริมความหลากหลาย รวมถึงการฝึกอบรมเรื่องอัตราส่วนของการจ้างงานที่เหมาะสม ส่งเสริมการจ้างงานในแบบที่หลากหลาย และส่งเสริมการตั้งกลุ่มพนักงานที่เป็น Minority นอกจากนี้ Slack ยังเผยแพร่รายงานความหลากหลายเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อเรื่อง D&I อีกด้วย
Airbnb เป็นตลาดออนไลน์สำหรับคนมองหาที่พัก โดยองค์กรมีความตั้งใจในการสร้างวัฒนธรรมการอยู่รวมกัน และต่อสู้กับการปฏิบัติแบบไม่เท่าเทียมกัน ดังนั้นจึงได้ส่งเสริมความหลากหลาย และให้ความสำคัญการแก้ปัญหาความไม่เท่าเทียมกันที่ได้รับรายงาน และได้เริ่มต้นโครงการ "Open Doors" ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการส่งเสริมความหลากหลายและต่อสู้กับอคติในชุมชน Airbnb
Pinterest เป็นแพลตฟอร์ม social media ที่เน้นการแชร์รูปภาพ ก็ได้สร้างวัฒนธรรมองค์กรในการอยู่รวมกัน พร้อมกับความเป็นส่วนตัว องค์กรได้ดำเนินการในการฝึกอบรมเรื่องอัตราส่วนความเท่าเทียมกันและความหลากหลาย อีกทั้งพยายามปรับปรุงความหลากหลายในทีมงาน Pinterest ยังจัดตั้งกลุ่มของพนักงาน เช่น Blackboard ERG เพื่อสนับสนุนชุมชนในองค์กร
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงตัวอย่างของสตาร์ทอัพที่ให้ความสำคัญกับความหลากหลายและการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยความเชื่อที่ว่า องค์กรที่มีคนหลากหลายจะช่วยสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ซึ่งมีโอกาสส่งผลดีกับองค์กรได้ในหลายด้านมากกว่าองค์กรที่มีแต่คนประเภทเดียว ซึ่งก็อาจจะเกิดความเห็นที่ตามกัน จนไม่มีใครกล้าคิดสิ่งใหม่ก็เป็นได้..
โดย: ณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการ และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด (Buzzebees) และ Guru ด้าน CRM & Digital Engagement Platform


