เทคโนโลยี Battery Swapping ที่ (อาจ) ยกระดับอุตสาหกรรม EV (ตอนที่ 2)
เปิดนโยบายและมาตรการของจีนในการส่งเสริมเทคโนโลยี Battery Swapping รวมถึงบทบาทและโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรม EV พร้อมทำความเข้าใจในมุมของ Supply Chain ที่เกี่ยวข้อง และความเหมาะสมของการนำไปใช้งานจริง
ในตอนที่แล้ว ผมได้เล่าถึงประวัติของการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Battery Swapping) และทิ้งท้ายไว้ถึงความก้าวหน้าของประเทศจีนในการส่งเสริมการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในรถยนต์ BEV
สำหรับในตอนนี้ ผมจะพาผู้อ่านไปดูนโยบายและมาตรการของจีนในการส่งเสริมการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ รวมถึงบทบาทและโอกาสของเทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ในการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
แต่ก่อนอธิบายเรื่องดังกล่าว ผมขอชวนทุกท่านทำความเข้าใจกับภาพรวมของการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ ทั้งในมุมของ Supply Chain ที่เกี่ยวข้อง และความเหมาะสมของการนำการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ไปใช้งานจริง เพื่อช่วยให้เข้าใจถึงความสำคัญของนโยบายและมาตรการสนับสนุนของประเทศจีน
Supply Chain ของ Battery Swapping : ความเหมือนที่แตกต่าง
หลายท่านอาจคิด Supply Chain ของธุรกิจการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ ว่าไม่แตกต่างจาก Supply Chain ของธุรกิจชาร์จไฟฟ้าให้รถยนต์ไฟฟ้า ที่ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตแบตเตอรี่ และผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า เพียงแต่ เปลี่ยนจากผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าเป็นผู้ให้บริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว Supply Chain ของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่มีความซับซ้อนมากกว่านั้น
เนื่องจากเทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่จะต้องคำนึงถึงการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ และสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เพราะการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่หมายถึงการถอดและประกอบชิ้นส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า อาจมีผลต่อการรั่วซึมของน้ำและฝุ่นเข้าสู่รอบต่อระหว่างตัวถึงและแบตเตอรี่
รวมถึงความเรียบร้อยของรอยต่อและขั้วไฟฟ้าระหว่างแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งแตกต่างกับการชาร์จไฟฟ้าที่เป็นเพียงการเติมประจุไฟฟ้าด้วยหัวจ่ายไฟฟ้าที่เข้ากับเต้ารับที่อยู่ที่รถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น
ด้วยเหตุผลดังกล่าว Supply Chain ของ Battery Swapping ส่วนใหญ่จึงอยู่ในรูปแบบของความร่วมมือระหว่างผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตแบตเตอรี่ และผู้ให้บริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ ในรูปแบบหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership) หรือ Consortium
ตัวอย่างเช่น บริษัท Changan Automobile ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของจีนที่พึ่งประกาศแผนการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวาในประเทศไทยกว่า 9,800 ล้านบาท
โดยได้ร่วมมือกับบริษัท Contemporary Amperex Technology (CATL) ผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก บริษัท Aulton New Energy Vehicle Technology ผู้ให้บริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ และบริษัท State Grid รัฐวิสาหกิจด้านไฟฟ้า ในการพัฒนาการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของ Changan ในนครฉงชิ่ง
นอกเหนือจากรูปแบบของความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการแต่ละส่วนแล้ว ผู้ประกอบการบางส่วนเลือกที่จะประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้วยตนเอง เช่น บริษัท Geely และบริษัท NIO 2 ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนมีการลงทุนเพื่อให้บริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของตนเอง เนื่องจาก สามารถออกแบบระบบการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่เหมาะสมกับรถยนต์ไฟฟ้าของบริษัทได้
อีกทั้งสามารถนำเสนอรูปแบบธุรกิจใหม่ให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าสมัครสมาชิก เพื่อรับบริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Battery-as-a-Service: BaaS) โดยคิดค่าใช้จ่ายเป็นรายเดือน การให้บริการลักษณะดังกล่าวจะช่วยลดราคาของรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ เนื่องจากผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้ารูปแบบดังกล่าวจะไม่ได้เป็นเจ้าของแบตเตอรี่
นอกจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ผู้ผลิตแบตเตอรี่บางรายก็หันมาประกอบธุรกิจให้บริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วย เช่น โดยบริษัท CATL ได้จัดตั้งบริษัทลูกในชื่อ Contemporary Amperex Energy Service Technology (CAES) เพื่อเป็นผู้ให้บริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ด้วยระบบ EVOGO
โดยเป็นการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบโมดูลาร์ ที่มาพร้อมกับ 1) สถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่แบบรวดเร็ว 2) แบตเตอรี่แบบบล็อคที่ลักษณะเหมืองแท่งช็อกโกแลต (Choco modular Swappable Electric Blocks: Choco-SEBs) และ 3) แอปพลิเคชัน
ทั้งนี้ บริษัท CAES ให้ข้อมูลว่า ระบบดังกล่าวสามารถทำงานกับรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 80% ที่มีอยู่ในท้องตลาดของจีน การเข้ามาสู่ธุรกิจการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ของ CATL ย่อมจะส่งผลดีอย่างมากต่อเทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ เพราะ CATL เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่อันดับ 1 ของโลก การออกแบบแพลตฟอร์มของแบตเตอรี่ในรูปแบบ Choco-SEBs จึงเปรียบเสมือนการชี้นำมาตรฐานของการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ ช่วยให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและผู้ใช้งานเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ในภาพรวม
ตอบโจทย์วิ่งไกล-ไม่ต้องรอนาน
เมื่อมองในมุม Supply Chain ของการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ จะเห็นได้ว่ามีในแต่ละส่วนมีผู้ประกอบการรองรับแล้ว แต่อีกมุมที่จำเป็นจะต้องพิจารณา คือ ความเหมาะสมของการนำเทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ไปใช้งาน
โดยรายงานเรื่อง Battery Ecosystem: A Global Overview, Gap Analysis in Indian context, and Way Forward for Ecosystem Development โดย Deutsche Gesellschaft für Internationale Zusammenarbeit (GIZ) ได้วิเคราะห์ความเหมาะสมของประเทศอินเดียในการนำเทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่มาใช้กับยานยนต์ไฟฟ้าประเภทต่าง ๆ ได้แก่ จักรยานยนต์ไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้า และรถบัสไฟฟ้า
ทั้งนี้ได้วิเคราะห์ทั้งการใช้งานเชิงพาณิชย์และใช้งานส่วนตัว ปัจจัยที่นำมาวิเคราะห์ประกอบไปด้วยระยะเวลาที่ใช้ในการเติมพลังงาน ระยะเวลาและระยะทางที่ใช้งานระหว่างวัน ความกังวลต่อราคาของยานยนต์ไฟฟ้า (Price Sensitivity) และความสามารถในการเข้าถึงระบบอัดประจุไฟฟ้าส่วนตัว (Private/Personal Charging)
สำหรับผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานส่วนตัวไม่เหมาะสมกับการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้งาน เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานส่วนตัวมีระยะทางการวิ่งต่อวันสั้นและมีอุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าของตนเอง จึงไม่จำเป็นต้องมีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ระหว่างวัน เพียงแต่ต้องการเข้าถึงระบบชาร์จไฟฟ้าแบบ Fast Charge ในพื้นที่ต่าง ๆ ได้สะดวกและรวดเร็ว
ในขณะที่จักรยานยนต์ไฟฟ้า รถสามล้อไฟฟ้า รถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ในเชิงพาณิชย์ และรถบัสไฟฟ้ายังมีความเหมาะสมกับการใช้เทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ เนื่องจากมีระยะทางและระยะเวลาในการวิ่งสูง ส่งผลให้ต้องมีการเติมพลังงานระหว่างวันค่อนข้างถี่ และหากเป็นการใช้งานเชิงพาณิชย์ ผู้ใช้งานไม่ต้องการเสียเวลารอในการเติมพลังงานนานเนื่องจากกระทบต่อการให้บริการ
2P-2S: แนวทางการส่งเสริมของจีน
จากที่อธิบายมา จะเห็นได้ว่าการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่นั้นเป็นเทคโนโลยีที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก ทั้งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ผู้ผลิตแบตเตอรี่ และผู้ให้บริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่
ขณะที่พฤติกรรมของผู้ใช้งานและปัจจัยแวดล้อมในปัจจุบัน ส่วนใหญ่การใช้งานยังอยู่ในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เป็นหลัก ดังนั้น การนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปจึงต้องอาศัยการขับเคลื่อนจากภาครัฐ
รัฐบาลจีนจึงได้มีนโยบายและมาตรการสนับสนุนการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ใน 4 ด้านสำคัญ ที่ผมเรียกว่า 2P-2S คือ การกำหนดแผนการพัฒนาและสนับสนุนการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Policy Support) การให้เงินอุดหนุนเพื่อซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (Subsidy) การกำหนดมาตรฐานสำหรับการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Standardization) และการส่งเสริมโครงการนำร่อง (Pilot Project Promotion)
ในส่วนการกำหนดแผนพัฒนาและสนับสนุนการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าของจีนเริ่มตั้งแต่ปี 2019 เมื่อคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (National Development and Reform Commission: NDRC) กระทรวงนิเวศวิทยาและสิ่งแวดล้อม (Ministry of Ecology and Environment: MEE) และกระทรวงพาณิชย์ (Ministry of Commerce: MOFCOM)
ได้กำหนดแผนการขับเคลื่อนการส่งเสริมการหมุนเวียน และยกระดับสินค้าอุปโภคบริโภคและการรีไซเคิลทรัพยากร (Implementation Plan for Promoting the Renewal and Upgrading of Key Consumer Products and Smooth Resource Recycling (2019-2020)) เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนพัฒนายานยนต์ที่ใช้พลังงานใหม่ (New Energy Vehicle: NEV) ซึ่งครอบคลุมการชาร์จไฟฟ้าและการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่
ต่อมาในปี 2020 รัฐบาลจีนได้ประกาศแผนการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใช้พลังงานใหม่ (The NEV Industry Development Plan (2021-2035) แผนดังกล่าวกำหนดทิศทางการพัฒนาเทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ไว้ชัดเจน ทั้งการเร่งก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง การกำหนดและยกระดับระบมาตรฐานของแบตเตอรี่
โดยกำหนดให้มีการยกระดับภาพรวมการบริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ ภายในปี 2025 และเครือข่ายการให้บริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ทั้งหมดจะสะดวกและมีประสิทธิภาพในปี 2035 นอกจากนั้น ในรายงานการดำเนินงานของรัฐบาล ซึ่งเผยแพร่ในการประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 13 ในปี 2021 ได้ชี้ให้เห็นว่าสถานีชาร์จไฟฟ้าและสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ถูกสร้างขึ้นอย่างมาก
สำหรับการให้เงินอุดหนุน เป็นมาตรการที่รัฐบาลจีนส่งเสริมให้ผู้บริโภคซื้อรถยนต์ไฟฟ้า โดยยกเว้นภาษีซื้อสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาต่ำกว่า 3 แสนหยวน (ประมาณ 1.5 ล้านบาท) ที่ปกติจัดเก็บภาษีซื้อที่ 10% รัฐบาลจีนได้ดำเนินมาตรการดังกล่าวมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2009 จนถึงปี 2022 ใช้เม็ดเงินไปกว่า 1 แสนล้านหยวน
แต่ผลของมาตรการดังกล่าว ช่วยให้จีนกลายเป็นตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ที่ใหญ่ที่สุดของโลก โดยมียอดขายของรถยนต์พลังงานใหม่กว่า 6.88 ล้านคันในปี 2022 สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้รับอานิสงค์จากมาตรการนี้อย่างชัดเจน เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีนี้ไม่มีต้นทุนแบตเตอรี่รวมอยู่ในราคารถ เป็นผลให้มีราคาต่ำกว่ารถยนต์ไฟฟ้าที่มีกำลังเท่ากันแต่ใช้เทคโนโลยีการชาร์จไฟฟ้า
เรื่องของมาตรฐานการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่เป็นเรื่องท้าทายของเทคโนโลยีนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่เกี่ยวข้องกับผู้ผลิตรถยนต์ ผู้ผลิตแบตเตอรี่ และผู้ให้บริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ รัฐบาลจีนจึงพัฒนามาตรรฐานการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่
โดยในปี 2021 ได้มีการกำหนด National Standard for Battery Swap Safety Requirement for Electric Vehicles (GB/T 40032-2021) เป็นมาตรฐานบังคับแรกสำหรับการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ในยานยนต์ไฟฟ้า โดยระบุถึงเงื่อนไขความปลอดภัย กระบวนการทดสอบ และกฎการตรวจสอบสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่
แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ มาตรฐานฉบับนี้เปิดให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า อาทิ NIO, BAIC, Geely ฯลฯ มีส่วนร่วมในการจัดทำร่างมาตรฐาน ในปี 2022 กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (Ministry of Industry and Information Technology: MIIT) ได้ประกาศเรื่องการดำเนินการสำคัญในเรื่องมาตรฐานยานยนต์ในปี 2022
ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าวได้ระบุถึงการเร่งก่อสร้างระบบการชาร์จไฟฟ้าและระบบการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ รวมถึงการเร่งพัฒนามาตรฐานของทั้ง 2 ระบบ แพลตฟอร์มร่วม และแบตเตอรี่สำหรับการสับเปลี่ยน โดยมีร่างมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ 14 เรื่องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาในปี 2022
สุดท้าย คือ การพัฒนาโครงการนำร่องในปี 2021 ด้วยความร่วมมือระหว่าง MIIT และ สำนักงานพลังงานแห่งชาติ (National Energy Administration: NEA) เพื่อนำเทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ไปใช้งานจริง ที่จุดมุ่งหมายของโครงการดังกล่าว นอกจากการส่งเสริมนวัตกรรมในการนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้งานแล้ว ยังมุ่งให้ยานยนต์ที่ใช้พลังงานใหม่ (NEV) ช่วยสนับสนุนเป้าหมายการเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศจีนในปี 2060
สำหรับโครงการนำร่อง จะให้การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง การช่วยสร้างสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ และการสนับสนุนทางการเงิน โดยเริ่มดำเนินการใน 11 เมือง ได้แก่ ปักกิ่ง หนานจิง อู่ฮั่น ซานย่า ฉงชิ่ง ฉางชุน เหอเผย์ จี่หนาน อี๋ปิน ถังชาน และบาวตู ซึ่ง 3 เมืองสุดท้ายจะให้ความสำคัญกับรถขนส่ง KPI ของโครงการนำร่อง คือ สร้างสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่มากกว่า 1,000 แห่ง และเพิ่มจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้เทคโนโลยีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่มากกว่า 1 แสนคัน KPI ดังกล่าวจะช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงได้มากกว่า 7 แสนตันต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 2 ล้านตันต่อปี
อนาคตการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่: โอกาสและความท้าทาย
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ทุกท่านคงเห็นว่า เทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่มีโอกาสที่จะก้าวมาเป็นเทคโนโลยีที่สามารถใช้งานได้ในเชิงพาณิชย์ในวงกว้างได้ เนื่องจากสามารถตอบโจทย์สำคัญใน 2 ด้าน
ด้านการใช้งานของผู้บริโภค เทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ช่วยลดราคาขายรถยนต์ไฟฟ้าเนื่องจากไม่มีค่าแบตเตอรี่ ลดความเสี่ยงจากการเสื่อมอายุของแบตเตอรี่ซึ่งส่งผลต่ออายุการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้าและราคาขายต่อ เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานโดยเฉพาะการเดินทางระยะไกล เนื่องจากระยะเวลารอเติมพลังงานสั้นลง ส่งผลให้ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตัดสินใจเปลี่ยนจากการใช้รถยนต์สันดาปภายในมาสู่รถยนต์ไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น
สำหรับเรื่องระยะเวลาในการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ ผมเองได้มีโอกาสชมการสาธิตการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าจากบริษัท Geely ในประเทศจีนระหว่างเดินทางไปชักจูงการลงทุนเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบว่าการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าใช้ระยะเวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น และทราบมาว่า ในอนาคตบริษัทสามารถลดระยะเวลาให้เหลือเพียง 2 นาที
ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการแบตเตอรี่ในภาพรวม โดยสามารถลดต้นทุนการดูแลรักษาและเพิ่มอายุการใช้งานแบตเตอรี่ เนื่องจากมีการบริหารจัดการแบตเตอรี่โดยผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ อีกทั้ง ยังช่วยลดการใช้พลังงานและสร้างสมดุลในการใช้พลังงาน เนื่องจากสามารถชาร์จไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่ในช่วง Off-peak
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการนำไปใช้งานเช่นกัน ทั้งในเรื่องมาตรฐานและเทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ ที่ยังต้องอาศัยเวลาในการความร่วมมือของผู้เกี่ยวข้องในการพัฒนา ต้นทุนการก่อสร้างสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ ที่ยังสูงเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องชาร์จไฟฟ้า
โดยราคาค่าก่อสร้างสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่อยู่ที่ 3 ล้านหยวน หรือประมาณ 4.5 แสนเหรียญดอลลาร์สหรัฐ การบริหารจัดการแบตเตอรี่คงคลัง (Inventory) ตามสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ และการบริหารจัดการการขนส่งแบตเตอรี่ รวมถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ และการชาร์จไฟฟ้าที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งในแง่ความเร็วในการชาร์จและระยะทางที่สามารถวิ่งได้ การสับเปลี่ยนแบตเตอรี่กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย
จากที่เล่าให้ทุกท่านได้อ่านกัน จะเห็นว่าเทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่มีศักยภาพในการเร่งการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน ประเทศไทยยังไม่มีโอกาสได้ใช้งานเทคโนโลยีนี้ แต่ภาครัฐยังเล็งเห็นว่าเทคโนโลยีนี้ยังเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีศักยภาพและน่าสนใจ
ดังนั้น จึงได้กำหนดมาตรการสนับสนุนให้เอกชนลงทุนสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ในไทย โดย BOI ได้เปิดให้การส่งเสริมการลงทุนในกิจการสถานีบริการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่ (Battery Swapping Station) โดยให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นระยะเวลา 5 ปี ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร และสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ หากเทคโนโลยีการสับเปลี่ยนแบตเตอรี่มีความก้าวหน้าไปอีกระดับตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคส่วนมากได้ และไทยสามารถดึงให้ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวมาลงทุนตั้งฐานการผลิตในประเทศ อาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะสร้างการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยอย่างก้าวกระโดด จนทำให้ไทยสามารถเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของโลกได้ในที่สุด


