SIMP ASia ทุนรางวัลเปลี่ยนชีวิตอย่างยั่งยืน
เรื่องเล่าและประสบการณ์ของการรับทุนจากรัฐบาลสวีเดน Swedish Institute Management Programm Asia หรือ SIMP ASia ที่ให้ทั้งความรู้และเปิดโลกจนเปลี่ยนชีวิตได้แบบยั่งยืน
เมื่อปี 2561 ก่อนจะได้รับตำแหน่งให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืนคนแรกของกลุ่มสายการบินแอร์เอเชีย โชคดีที่สุดที่ได้รับคัดเลือกให้ได้รับทุนจากรัฐบาลสวีเดน Swedish Institute Management Programm Asia (SIMP ASia) ที่จัดสรรสำหรับคนเอเชียโดยเฉพาะ
โดย SIMP ASia มีการออกแบบเนื้อหา เพื่อสร้างผู้นำที่รับผิดชอบเพื่อสร้างความยั่งยืน โดยไม่จำเป็นต้องทำงานด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน เปิดรับทุกสาขาอาชีพ เพราะ “ความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน” เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน การตั้งเป้าหมายของชีวิต การสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ไปจนถึงเป้าหมายการงานในทุกอุตสาหกรรม ที่สอดคล้องเป็นเรื่องเดียวกัน
แม้รุ่นพี่ที่เคยได้รับทุนนี้ แนะนำให้สมัครโดยให้คำจำกัดความว่าเป็น “ทุนรางวัลเปลี่ยนชีวิต” แต่ตอนนั้นสมัครเพราะคิดอยู่สองเรื่อง คือ หนึ่งอยากเรียนรู้ด้านความยั่งยืนจากประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนของโลก สองคืออยากไปสวีเดน แถมยังได้ไปอีก 2 ประเทศในเอเชีย คือสิงคโปร์และฟิลิปปินส์ ตอนเปิดและปิดโปรแกรม ทุกอย่าง “ฟรี” งบประมาณสนับสนุนโดยรัฐบาลสวีเดนทั้งหมด ยกเว้นตั๋วเครื่องบินในเอเชียที่นายจ้างใจดีของแอร์เอเชียให้การสนับสนุนพนักงานคนหนึ่งให้ไปเรียนรู้ด้านความยั่งยืน
ความทรงจำที่จำได้จากการเข้าโปรแกรมระยะ 6 เดือนนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนเข้าค่ายลูกเสือและเรียนต่อปริญญาโทไปด้วยอีกใบพร้อม ๆ กัน ท้าทายตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกกรอกใบสมัครเขียนเรียงความเล่าถึงเป้าหมายด้านความยั่งยืนที่เราอยากโฟกัสและขับเคลื่อน เราจะลงมือทำอะไรได้บ้างผ่านงานประจำของเราก็ได้ หรือโครงการพิเศษก็ได้
สำหรับตอนนั้นเขียนไปว่าอยากสร้างการรับรู้ให้แอร์เอเชียเป็นสายการบินที่ขับเคลื่อนความยั่งยืนผ่านการทำงานในชีวิตประจำวัน เข้าใจง่าย ทำได้จริง และสร้างจิตสำนึกท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบตลอดห่วงโซ่คุณค่าของสายการบิน
หลังจากผ่านข้อเขียน ก็ต้องผ่านด่านสัมภาษณ์โดยคณะกรรมการหลากเชื้อชาติ นอกจากถามถึงความตั้งใจ และแผนการที่อยากลงมือทำแล้ว ยังถามคำถามนำไปสู่การวิเคราะห์คน ว่าเราถนัดการสื่อสารแบบไหน เข้าใจว่าเป็นประเด็นของ Diversity and Inclusion ที่ทางผู้จัดต้องการให้มีคนแตกต่างหลากหลายมากที่สุดในสัดส่วนที่ลงตัว
โดยผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องเป็นผู้บริหารระดับสูง หรือผู้นำองค์กร ทั้งภาครัฐ เอกชนจากหลายอุตสาหกรรม ธุรกิจขนาดเล็ก NGO เห็นได้ชัดว่ามีการวางแผนสัดส่วนของผู้ร่วมโครงการอย่างมีหลักการ
สำหรับรุ่น 2561 คิกออฟที่สิงคโปร์ เริ่มที่พักห้องเดี่ยวในโรงแรมที่จัดการแบบกรีนโฮเทลทั้งกระบวนการ เนื้อหาเน้นการเปิดโลกด้านความยั่งยืนของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน โดยมาตั้งเป้าหมายส่วนตัว ที่จะส่งผลต่อสังคม และโลกไปด้วยกัน ผ่านการทำกิจกรรมที่ทำเนียบเอกอัครราชทูตสวีเดนประจำสิงคโปร์ แต่สิ่งที่จำได้แม่นจากการเปิดโครงการคือ ความยั่งยืนต้องเริ่มจากตัวเรา แล้วเราจะไปทำให้องค์กร และโลกยั่งยืน
ไฮไลท์ของโครงการนี้ คือช่วง 3 สัปดาห์ที่สวีเดน ที่ได้ทั้งเรียนและกิจกรรมแน่นตั้งแต่เช้ายันค่ำ และดึกบางวัน สอดแทรกด้วยเบรกสไตล์สวีเดชที่เรียกกันว่า FIKA โดยสัปดาห์แรกพวกเราถูกส่งไปอยู่ค่ายนักกีฬาในป่านอกเมือง เรียนเสร็จแต่ละวันที่ก็จะมีกิจกรรมเดินป่า เดินดูต้นไม้ สัตว์ ทะเลสาบ เดินชม nature trail ศึกษา biodiversity
ส่วนวันที่สองตอนบ่ายให้ไปเล่นบาสเก็ตบอลด้วยวีลแชร์ ให้เข้าใจความรู้สึกของคนพิการ ที่เราไม่ต้องสงสารเขา แค่เข้าใจและปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและเคารพในความแตกต่าง กิจกรรมตอนค่ำให้เรียน HipHop เรียนร้องเพลง และเรียนรู้การฟังให้เข้าใจมากกว่าการได้ยิน กิจกรรมเสริมทักษะชีวิต ที่ดูจะไม่เกี่ยวกับความยั่งยืนที่เราเคยได้ยินกันมาก่อนเรียกว่า Super Skill ที่จะช่วยทำให้ “คนธรรมดา” แบบเราติดอาวุธให้ชีวิตตัวเอง เพื่อโบยบินไปช่วยคนอื่น และช่วยโลกได้ที่สุด
กิจกรรมของสัปดาห์แรกในป่า เน้นใช้ฐานกายและฐานใจ เพราะชีวิตประจำวันเราอาจจะใช้สมองเยอะไป แต่ไปไม่ถึง “ใจ” สักที เป้าหมายของสัปดาห์แรก คือการสร้างความเข้าใจว่า ทุกสิ่งในโลกเชื่อมโยงกันเราจะอยู่อย่างไรให้เกื้อกูลกันได้ยาว ๆ ต้องเริ่มที่ตัวเรานี่เอง จบสัปดาห์แรกด้วยการนั่งเรือไปใช้ชีวิตบนเกาะ 100 ปีที่ออกแบบบ้านและสิ่งแวดล้อมให้เป็น circularity ทุกกระบวนการ เรียนรู้การจัดการขยะ ลดการพึ่งพิงทรัพยากร เกาะนี้อยู่ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องติดต่อกับแผ่นดินใหญ่เลย
ทำให้ในสัปดาห์ที่สองทุกคนจึงดีใจกันมาก ที่ได้ออกจากป่ามาเข้าเมือง ได้พักใจกลางเมืองสตอล์คโฮมในฤดูร้อนที่สดใสมาก ผู้คนก็ดูอารมณ์ดีและหน้าตาดีเจริญตาเจริญใจอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามในสองสัปดาห์แรกนี้เราได้เรียนรู้ กรอบข้อมูลด้านความยั่งยืน ว่าเราต้องสนใจเรื่องอะไรบ้าง เรื่องนี้คนไทยที่ทำงานด้านความยั่งยืนน่าจะเก่งกันอยู่แล้ว แต่เราเองเป็นมือใหม่ไม่เคยเขียนรายงานด้านความยั่งยืนจะได้อารมณ์เหมือนลงเรียนวิชาใหม่ ศัพท์แสงไม่คุ้นหู เหมือนต้องเขย่งคุยตลอดเวลา
แต่ที่ประทับใจมากก็คือ การถกกัน ถึงแนวคิดด้านความยั่งยืนใบบริบทของประเทศที่แตกต่างกันระหว่างตะวันตกกับตะวันออกทำให้เห็นว่าการทำอะไร ต้องคำนึงถึงบริบทแวดล้อม ไม่ใช่แค่ทำตามหลักการหรือมาตรฐาน เช่น ในมุมของเอเชีย การที่เด็กช่วยพ่อแม่ทำงานไม่ใช่เรื่องที่ผิด ทิ้งเด็กไว้บ้าน หรือกับพี่เลี้ยง หลายครั้งที่อันตรายมากกว่า
นอกจากนี้ก็มีกรณีที่นักข่าวสวีเดนเปิดโปงข้อมูลว่าบริษัทแห่งหนึ่งมีการใช้แรงงานเด็ก ทั้ง ๆ ที่ ในรายงานความยั่งยืนแถลงว่าไม่มีการใช้แรงงานเด็ก แต่นักข่าวพบว่าสาขาของบริษัทนี้ในเอเชียเกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานเด็ก คือ พ่อค้าท้องถิ่นที่เอาวัตถุดิบมาขายให้บริษัท รับมาจากแรงงานเด็กที่มาขายให้อีกทอดหนึ่ง พอข่าวออกก็เกิดแรงต่อต้านมากมาย
อีกกรณีศึกษาที่จำได้ดี ก็คือ การเลือกลงทุนโดยบริษัทยักษ์ใหญ่ของสวีเดนในต่างประเทศ ซึ่งเป็นประเทศทีขึ้นชื่อว่า 'การติดสินบนเป็นสิ่งที่ต้องทำ' และเมื่อเจอมูลความผิด จึงทำให้บริษัทนี้ถูกตัดสินจนต้องเสียค่าปรับมหาศาลจากการผิดธรรมมาภิบาล ทำให้เห็นว่าประเด็นความยั่งยืน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม จะย้อนกลับมาเป็นเกราะป้องกันหรือเป็นระเบิดเวลาให้แต่ละบริษัทได้
สัปดาห์ที่สามคือ การดูงานธุรกิจขนาดต่าง ๆ ในต่างอุตสาหกรรม ตามความสนใจหรือสอดคล้องกับงานประจำของแต่ละคน เพื่อให้เชื่อมโยงกรอบความยั่งยืนส่วนบุคคล สู่องค์กร สู่ผลประกอบการที่มากกว่าตัวเลข กิจกรรมนี้ช่วยให้เราในฐานะผู้บริหารองค์กรสามารถวิเคราะห์ว่าจะปรับปรุง การทำงานของบริษัทให้ดีขึ้น ด้วยการใช้แนวคิดด้านความยั่งยืน เช่น การปรับปรุงรายงานความยั่งยืน การยอมรับความหลากหลายทางเพศ การสร้างความสัมพันธ์กับพนักงานให้ดีขึ้น
สุดท้าย โปรแกรมที่สวีเดนทั้ง 3 สัปดาห์ ขมวดจบด้วยการทำ SIMP Canvas เพื่อวางแผนว่า กลับไปจะไปลงมือทำอะไร และวัดผลอย่างไร มีโอกาส และความเสี่ยงอย่างไร จะมีพันธมิตรเป็นใคร
ย้อนกลับไปในเส้นทางสายงานด้านการสื่อสาร มาจนถึงการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน แม้ตัวเรามีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการ อบรมต่าง ๆ มากมาย แต่ต้องขอบอกว่านี่คือ ทุน ค่าย โปรแกรม คลาส แล้วแต่จะเรียกว่าอะไร แต่คือที่สุดในทุก ๆ ทาง
เพราะโปรแกรมนี้ถูกออกแบบมาอย่างกลมกล่อมเป็นธรรมชาติ ลึกซึ้ง แต่เข้าถึงง่าย นำไปสู่การปฏิบัติและวัดผลได้จริง ได้เพื่อนที่คัดสรรมาแล้วว่ามีใจกับความยั่งยืน พร้อมแลกเปลี่ยน แบ่งปันสนับสนุน ได้คอนเนคชั่นทางธุรกิจ และได้ชื่อว่าเป็นนักเรียนทุนรัฐบาลสวีเดน พอกลับมาเมืองไทยก็ได้เชื่อมต่อกับนักเรียนทุน และนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประเทศสวีเดน
ถ้าถามว่าอะไรคือดีเอ็นเอของความเป็นสวีเดนที่สัมผัสได้ตลอดโครงการ คงต้องบอกว่า คือเรื่องความยั่งยืนที่ถูกผนวกเข้าไปในวิถีชีวิตตามท้องถนน สวนสาธารณะ ที่พยายามลดผลกระทบทางลบที่ออกจากตัวบุคคลทุกอย่าง ให้ความเคารพกับทั้งคนและสิ่งแวดล้อม เช่นหากอยู่ในที่สาธารณะก็ต้องคุยกันด้วยเสียงเบา เพื่อไม่ไปรบกวนคนอื่น ขณะที่การลดขยะ การแยกขยะ เป็นเรื่องเกินธรรมดาไปแล้ว
ในช่วงแพร่ระบาดของโควิดสองปีที่ผ่านมา ทุนนี้ยังคงดำเนินไปบนโลกออนไลน์ แต่ข่าวดี คือ ทุนนี้กำลังเปิดรับสมัคร เปลี่ยนรูปแบบเป็นไฮบริด และมีไฮไลท์กับการไปใช้ชีวิตที่สตอล์คโฮม 1 สัปดาห์ ซึ่งถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากเห็นตัวเองดีขึ้น เก่งขึ้น และมีแรงใจที่อยากจะสร้างสังคมให้ดีขึ้น เยียวยาโลกให้อยู่ได้ยาวขึ้น SIMP ASia ก็น่าจะเป็นหนึ่งทางเลือกได้
ดังนั้น ถ้าหากใครก็ตามมีความสนใจเข้าร่วมโปรแกรมหรือมีคำถามเพิ่มเติมสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมลงทะเบียน online webinar ได้ที่ Information Webinar - Asia 2023 (google.com) และสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Swedish Institute Management Programme Asia - Svenska institutet
โดย: ทอปัด สุบรรณรักษ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ สายการบินไทยแอร์เอเชีย


