ถอดบทเรียน วิชารอด วิชารุ่ง แบบฉบับโลว์คอสต์แอร์ไลน์
ถอดบทเรียน วิชารอด วิชารุ่ง แบบฉบับโลว์คอสต์แอร์ไลน์ อย่างไทยแอร์เอเชีย หลังผ่านพ้นช่วงโควิดว่า ทำอย่างไรจึงผ่านพ้นมายืนอยู่ได้จนถึงวันนี้
ยุคก่อนโควิด อุตสาหกรรมการบินถูกจับตาเรื่องการแข่งขันที่คึกคัก ผู้เล่นหน้าใหม่หน้าเก่าผลัดกันออกหมัดทางการตลาดกันอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งล้วนเป็นผลดีกับผู้ใช้บริการที่จะได้รับทางเลือกที่คุ้มค่ามากที่สุด แต่จะแข่งกันที่ราคาอย่างเดียวไม่พอ ต้องแข่งที่คุณภาพของสินค้าและบริการเพื่อสามารถมัดใจลูกค้าเอาไว้ได้ยาวๆ สร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
มาถึงวันนี้ สำหรับสายการบินที่รอดผ่านผ่านโควิดมาได้ ซึ่งคำถามที่ถูกถามบ่อยที่สุด คือ รอดมาได้อย่างไร แล้วจะไปอย่างไรต่อ ไม่ได้มาคุยกันเพียงว่าจะเติบโตแค่ไหน เพิ่มฝูงบินกี่ลำ มีเเผนกลยุทธ์อย่างไร เพราะอีกมุมหนึ่งของการถอดบทเรียน “วิชารอด” เพื่อเก็บหน่วยกิตต่อไปยัง “วิชารุ่ง”
นั่นก็คือ การดำเนินธุรกิจของไทยแอร์เอเชีย ที่ต้องมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยใช้เเผนการพัฒนาธุรกิจที่ต้องคิดถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ไม่ใช่เฉพาะลูกค้าหรือผู้ถือหุ้น แบบที่เคยเป็นกันมาในสมัยก่อน
สำหรับผู้ให้บริการสายการบินราคาประหยัด โลว์คอสต์ ไม่ได้แปลตรงตัวว่าต้นทุนต่ำ เพราะต้นทุนการบริหารสายการบินไม่เคยต่ำ มีแต่ต้นทุนสูงทั้งสิ้น ทั้งเครื่องบิน การดูแลรักษา ต้นทุนเชื้อเพลิง ต้นทุนบุคคลากร
หากวิเคราะห์ดูว่า “วิชารอด” ประกอบไปด้วยอะไรบ้าง น่าจะเริ่มจากแนวคิดในการบริหารธุรกิจแบบโลว์คอสต์นี่เอง คือ ปฏิบัติการอย่างไรก็ได้ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ต้นทุนและความเสี่ยงต่ำ และทำให้กระแสรายได้เติบโตมั่นคง พร้อมกับการสร้างแบรนด์ให้ครองใจผู้บริโภคในระยะยาว บนความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในภาพรวม
จะว่าไปแล้วแนวคิดและการลงมือทำธุรกิจแบบนี้ ก็คือ การดำเนินธุรกิจบนกรอบของความยั่งยืน พอคิดแบบโลว์คอสต์เพื่อให้ธุรกิจเติบโต ผลที่ได้ตามมาโดยอัตโนมัติก็คือ ประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และต้นทุนที่ต่ำลงตลอดกระบวนการ
ในอุตสาหกรรมการบินนั้นที่แม้ว่าเราจะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญเติบโต แต่ในอีกมุมหนึ่งเราก็ต้องยอมรับว่าเราได้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรงจากการใช้พลังงานเชื้อเพลิงต่าง ๆ อาทิ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ องค์กรระหว่างประเทศอย่าง ICAO
ไทยแอร์เอเชียจึงได้ริเริ่มโครงการ CORSIA: Carbon Offsetting and Reduction Scheme for International Aviation หรือเรียกง่าย ๆ คือ โครงการที่ส่งเสริมให้ธุรกิจการบินหันมาลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งเป็นโครงการที่มี 118 ประเทศ สมัครใจเข้าร่วม
โดยหนึ่งในนั้นคือประเทศไทยของเรา ซึ่งไทยแอร์เอเชียก็ได้ลงนามความร่วมมือ ร่วมกับ สำนักงานการบินพลเรือนเเห่งประเทศไทย หรือ CAAT เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา ยืนยันการดำเนินนโยบายส่งเสริมภารกิจด้านนี้อย่างเต็มกำลัง
การที่จะร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ จึงไม่เพียงมีขอบเขตที่การลดการใช้พลังงานเท่านั้น แต่ต้องมีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่ง CORSIA ได้กำหนดไว้เป็น 4 หัวข้อหลัก ได้แก่ การใช้เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า การปรับปรุงการปฏิบัติการ การใช้พลังงานทางเลือกที่ยั่งยืน และมาตรการของตลาดแต่ละที่
ถ้าเราตั้งเป้า Net Zero แล้วมัวแต่รอเชื้อเพลิงทางเลือกซึ่งยังมีต้นทุนสูงมาก เราคงไม่ได้ลงมือทำอะไรเลย แต่สิ่งที่ไทยแอร์เอเชียได้ทันทีในวันนี้ คือ ในด้านของเทคโนโลยี ปัจจุบันสายการบินของเราได้ใช้เครื่องบินแอร์บัส A320 Neo ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นที่ลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นอกจากนี้ ไทยแอร์เอเชียมีเครื่องบินที่ใช้เทคโนโลยี Sharklet ซึ่งบริเวณปีกเครื่องบินช่วยลดแรงฉุด ทำให้เครื่องบินประหยัดน้ำมัน เป็นต้น จึงทำให้ในด้านของการปฏิบัติการ ได้ประโยชน์ทั้ง 2 ทาง คือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เเละเชิงการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นักบินของเรายังใช้ระบบปฏิบัติการการบินสีเขียว Green Flight Operation Procedure มีรายละเอียดของวิถีการบิน และการวางแผนการบินที่มากขึ้น เครื่องต้องแบกน้ำและน้ำมันเท่าไรถึงจะปลอดภัยและประหยัดไปพร้อมกัน สุดท้ายแล้วผลที่ได้ คือ การลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์บนพื้นฐานของความปลอดภัยที่มีมาตรฐาน
วันนี้ “วิชารอด” ที่เราถอดบทเรียนออกมาได้นั้น พบว่าเราไม่ได้แข่งขันกันด้วยกลยุทธ์การตลาด การเข้าถึงลูกค้า หรือการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดเพียงเเง่มุมเดียวแล้ว แต่ยังต้องรวมไปถึงการเป็นสายการบินที่ดูแลการใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังเเละจริงใจ เเละมีแผนการพัฒนาที่ยั่งยืนผนวกเข้าไปในกลยุทธ์อย่างแนบเนียน
และกุญเเจสำคัญ คือผู้ผลักดันที่ทำให้ “วิชารอด” สำเร็จ นั่นก็คือ “คน” คือ บุคลากรของสายการบิน กระดุมเม็ดแรกของการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน สำหรับที่แอร์เอเชีย คือ “คน” คนที่มีวัฒนธรรมองค์กรแบบ 4 ส. สนุก สไตล์ สัมพันธ์ สร้างสรรค์ยั่งยืน
พร้อมสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน คิดงานเก่ง ขายงานได้ และร่วมกันส่งต่อบริการไปถึงผู้โดยสารได้อย่างดี ทำให้ผู้โดยสารอยู่กับเราไปเรื่อย ๆ นำการเรียนรู้จาก “วิชารอด วิชารุ่ง” มาปรับใช้จนทำให้ไทยแอร์เอเชียเป็นเเบบอย่างที่ดีได้ ตามฉบับโลว์คอสแอร์ไลน์และในฐานะสายการบินที่ตรงเวลาที่สุดในโลกเป็นอันดับที่ 3
โดย:ทอปัด สุบรรณรักษ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ สายการบินไทยแอร์เอเชีย


