กลัวทักษิณ เบื่อประยุทธ์ ประชาชนถึงทางตัน
"กลัวทักษิณ เบื่อประยุทธ์" เมื่อประชาชนถึงทางตัน เหตุไฉนการเมืองไทยนานนับ 10 ปี ดันกลับไปสู่วังวนเดิม 2 ขั้วขัดแย้งสลับกุมอำนาจ | คอลัมน์ ย้อนศร
การเมืองไทยเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา คนไทยผวาต่อการผูกขาดอำนาจทุนนิยมของตระกูล ‘ชินวัตร’ ความรุนแรง 2 ขั้วการเมืองที่เห็นต่างทวีมากขึ้นจนนำไปสู่การยึดอำนาจของทหาร ก็ด้วยการใช้อำนาจทางการเมืองเผด็จการรัฐสภาลักหลับเดินหน้า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ แบบสุดซอย เพื่อหวังช่วยพี่ชายสุดที่รักหวนคืนแผ่นดินเกิด มาวันนี้เหตุไฉนถึงกลับไปสู่วังวนเดิม
การเลือกตั้งปี 2562 เส้นทางการกลับเข้าสู่อำนาจของทหารจากการปฏิวัติของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มองย้อนกลับไป ฝ่ายอนุรักษ์นิยมถือกำเนิดยุทธศาสตร์คืนชีพความหวาดกลัวของประชาชนที่มีจำนวนไม่น้อยต่อคุณทักษิณ ป้ายให้เป็นปีศาจทางการเมืองในช่วงการหาเสียงโค้งสุดท้าย เหมือนมัดมือประชาชนให้จำใจต้องเลือก “ฮีโร่ลุงตู่” มาต่อสู้กับคุณทักษิณ (เพราะเชื่อว่าไม่มีใครมีนำหนักพอที่จะโค่นทักษิณได้นอกจากลุง) ท้ายที่สุดหลังผลการเลือกตั้งครั้งนั้น รัฐสภามีมติเลือกพลเอกประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีโดยได้รับคะแนนเสียงจาก ส.ส. 19 พรรค เป็นรัฐบาลผสมที่มีจำนวนพรรคมากที่สุดในประวัติศาสตร์ พลเอกประยุทธ์เหมือนได้ลงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ล้างมลทินในคราบเผ็ดจการทหารกลับมานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งท่ามกลางข้อกังขามากมาย แต่ก็เปล่าประโยชน์ที่จะไปฟื้นฝอยหาตะเข็บอะไรในข้อกังขาต่าง ๆ นั้น เพราะถึงอย่างไร วันนี้ พลเอกประยุทธ์ ก็ถือว่า เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจเต็มโดยชอบธรรมเสียแล้ว
เกือบ 8 ปี ในการทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ คนไทยได้อะไร? เป็นคำถามที่มีหลากหลายคำตอบ
*ประการแรก...การที่พลเอกประยุทธ์เข้ามาเป็นผู้นำรัฐบาลได้ ก็ด้วยคนไทยหวังอยากได้ความสงบเรียบร้อยกลับเป็นปกติ แต่ผลลัพธ์ บ้านเมืองกลับมีความขัดแย้งทางการเมืองรุนแรงเกิดช่องว่างต่างวัยรุ่นใหม่เก่า ยากที่จะหาข้อยุติได้
*ประการที่สอง...ปัญหาคอรัปชั่น แทนที่ข้อดีจากการที่มีอำนาจเต็มของนายกฯ ที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ตั้งแต่ในช่วง คสช. รวมมาจนถึงวันนี้จะสามารถปราบปรามปัญหาทุจริตคอรัปชั่นให้หมดไปจากแผ่นดินได้ แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่...เพราะ การทุจริตคอรัปชั่นในยุคของพลเอกประยุทธ์ นับว่ามีสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากการเปิดเผยข้อมูลผลสำรวจ ดัชนีคอร์รัปชันไทย โดย ดร.เสาวนีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เมื่อปี 2560 ที่ผ่านมา
นี่แสดงให้เห็นว่าขาดการเอาจริงเอาจังในการการแก้ไขปัญหาทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
ทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจํา ใช้วาระแห่งชาติเรื่องการปราบปรามการทุจริตคอรรัปชั่นเป็นเพียงการสร้างภาพและเป็นเครื่องมือในการกำจัดฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
*ประการที่สาม...ช่วงที่คนไทยทั้งชาติเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 การบริหารจัดการ การรับมือการเข้าแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงทีนั้น ก็หามิได้จากการทำงานของรัฐบาลนี้ ปล่อยให้ผู้ติดเชื้อเหมือนขอทานชีวิตขอทานลมหายใจนอนรอความตายข้างถนน การจัดหาวัคซีนมีแต่ความล่าช้า นั่นเป็นการบริหารจัดการที่ขาดความจริงใจต่อพี่น้องประชาชน รวมถึงการเร่งหาวิธีการฟื้นเศรษฐกิจจากการได้รับผลกระทบของโควิดที่ลามทั้งโลกและวันนี้ก็ยังไม่จบไม่สิ้น คนไทยก็มองไม่เห็นสว่างที่จะกลับมาลืมตาอ้าปากได้เลย เพราะหันไปทางไหนก็มองไม่เห็นใครที่มีฝีมือพอในการฟื้นเศรษฐไทยได้ในรัฐบาลชุดนี้เลย
นี่จึงเป็นคำตอบอย่างชัดเจนเกือบ 8 ปี ในการทำงานของนายกฯ ที่ชื่อพลเอกประยุทธ์ “สอบตกล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง” ยึดอำนาจเขามาโดยเปล่าประโยชน์ทำตัวเหมือนหัวล้านได้หวี
ยัง ยัง...พลเอกประยุทธ์ยังไม่ขอยอมแพ้ ทั้ง ๆ ที่ถึงปลายสมัยรัฐบาล ข้าฯ ขอกู้หน้าจากการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC 2022 ที่ไทยเราเป็นเจ้าภาพเพิ่งจบลงไปไม่กี่วัน ไทยเราได้อะไร? ขอสรุปสั้น ๆ ถึงผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม 1.เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ APEC เขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก 2.เชื่อมโยงการเดินทางข้ามแดนระหว่างกันอย่างปลอดภัยและไร้รอยต่อ 3.รับรองแนวคิดเศรษฐกิจ BCG เพื่อวางรากฐานในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
**คำถามอยู่ที่ว่า แล้วไงต่อ? ถึงแม้ผู้ APEC รับรองแนวคิดเศรษฐกิจ BCG แต่พลเอกประยุทธ์จะไปต่อได้อย่างไร มีดรีมทีมมือเศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อให้สำเร็จได้ไหม? ถ้ามี ถ้าทำได้...ป่านนี้คนไทยคงไม่อดอยากปากแห้งกันหรอกนายท่าน
นับถอยหลังเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ความเบื่อหน่ายของพี่น้องคนไทยต้องมากลับอีกครั้ง การเมืองร้อนแรงศึกชิงสังเวียนอำนาจเข้าใกล้ขึ้นมาทุกที อาชีพ ส.ส. กลายเป็นตัวทำเงินทำทอง ซื้อขายและเปลี่ยนกันอย่างกับตลาดนัดวัวควาย ประมูลราคาอย่างเมามันสูงต่ำอยู่ที่ความสามารถว่าเป็นตัวเต็งในพื้นสำคัญ ๆ ของคู่แข่งกันและกันมากแค่ไหน ฝ่ายเพื่อไทยทำทุกวิถีทางให้ชนะศึกนี้เพราะถือเป็นเดิมพันครั้งสุดท้ายของนายใหญ่แดนไกล ฝ่ายนายพลก็ใช้ทุกอำนาจที่มีเตะตัดขาตัดแต้มตัดกำลังทุกย่างก้าว (เรื่องนี้สนุก...วันหน้าจะเล่าให้ฟัง)
**หรือว่าวันนี้บ้านเมืองเราถึงทางตันแล้วจริง ๆ ขั้วทางการเมืองมีแค่ 2 ขั้วเท่านั้นหรือ? สลับอำนาจกันไปมาโดยไม่สนความเป็นอยู่ของพี่น้องคนไทยเลย เชื่อว่าวันนี้คนไทยไม่เอาแล้วกับเผด็จการทหาร ไม่เอาแล้วอำนาจทุนคุมการเมือง ไม่เอาแล้ว...เผด็จการรัฐสภาในคราบประชาธิปไตย วิงวอนเถิดผู้มากบารมีทั้งหลายมองประชาชนมองบ้านเมืองเป็นที่ตั้งบ้างได้หรือไม่ รวมตัวกันเหล่าคนดีทั้งหลาย เชื่อว่ายังมี มารวมตัวกันให้มากพอที่จะเป็นขั้วที่ 3 ได้หรือไม่ เพื่อเป้าหมายเดียว “แก้ปัญหาเศรษฐกิจฟื้นฟูประเทศ”