posttoday

Asset Allocation สร้างพอร์ตให้สมดุลผลตอบแทนและความเสี่ยง

20 เมษายน 2565

ผลตอบแทนกับความเสี่ยงในการลงทุนเป็นของคู่กัน ทั้งความผันผวนการขึ้นและลงของตลาด ในระยะสั้นในบางช่วงนั้นเป็นเรื่องปกติ

สวัสดีครับเพื่อน ๆ นักลงทุน ปีนี้ต้องเรียกได้ว่า มีปัจจัยรายล้อมด้านการลงทุนที่หลากหลายจริง ๆ ครับ ซึ่งมีทั้งด้านบวกและด้านลบให้ติดตาม ทางด้านบวกคือ เราและโลกเริ่มคุ้นชินและพยายามใช้ชีวิตร่วมกับโควิด-19 โดยการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงและรักษาระยะห่างในระดับที่เหมาะสม ซึ่งก็ทำให้หลายประเทศเริ่มเปิดเมืองมากขึ้น ในปีนี้การเดินทางเพื่อท่องเที่ยว หรือทำธุรกิจก็จะคล่องตัวมากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมฟื้นตัวต่อ มีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่ก็มีด้านลบตามมาด้วย ทั้งการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อและการติดขัดของห่วงโซ่อุปทาน ที่เป็นแรงส่งต่อให้เงินเฟ้อยิ่งสูงขึ้น

โดยฝั่งสหรัฐฯ ระดับเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบหลายสิบปี ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องใช้นโยบายคุมเข้มมากขึ้นด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยจะขึ้นตลอดทั้งปีนี้ เพื่อลดความร้อนแรงทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ พร้อมกับการลดสภาพคล่องด้วยการหยุดการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบของเฟด ซึ่งจะทำการดึงสภาพคล่องออกจากระบบอีก ด้านเศรษฐกิจ ดูเหมือนจะตึงตัวแล้ว แต่ยังมาเจอกับความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ของรัสเซียและยูเครนที่ดูท่าว่าจะไม่จบกันได้โดยเร็ว ซึ่งก็เป็นตัวผลักดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างน้ำมันปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งผลักดันให้ต้นทุนราคาสินค้าอื่น ๆ ปรับเพิ่มขึ้นตาม ทำให้การแก้ปัญหาด้านเงินเฟ้อยังคงต้องใช้เวลา เรียกว่า เป็นปีที่ท้าทายปีหนึ่งในเรื่องการลงทุนเลยทีเดียว (มีปีไหนไม่ท้าทายบ้าง) โดยหากดูผลตอบแทนในตลาดหลัก ๆ ทั่วโลก จนถึงช่วงสงกรานต์ของปีนี้ยังคงผันผวน และส่วนใหญ่ยังอยู่ในแดนลบ โดยจะมีสินค้าโภคภัณฑ์อย่างทองคำและน้ำมันที่ยังให้ผลตอบแทนเป็นบวกได้

ประเด็นต่าง ๆ ที่เข้ามา อาจทำให้นักลงทุนหลายท่านเกิดความกังวลจนรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักต่อการลงทุน แต่อย่างที่ทราบกันครับว่า เรื่องผลตอบแทนกับความเสี่ยงในการลงทุนเป็นของคู่กัน ทั้งความผันผวนการขึ้นและลงของตลาด ในระยะสั้นในบางช่วงนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่มีนักลงทุนที่พยายามจับจังหวะการเข้าออกตลาด ถือหุ้นในช่วงตลาดกระทิงขาขึ้น ซึ่งแน่นอนครับช่วงตลาดขึ้นเรามีความสุข ได้กำไรลงทุนเพิ่มเติม แม้ว่าราคาหุ้นจะแพงขึ้นก็ตาม แต่พอช่วงตลาดหมี ตลาดปรับตัวลง เราก็จะมีความกลัวหรือความกังวล และถ้าเกิดตลาดตกหนักเข้า เราก็ขายแม้จะเป็นช่วงที่ราคาหุ้นไม่ได้แพง การซื้อเมื่อตลาดขึ้นและขายเมื่อตลาดปรับตัวลงทำให้เรารู้สึกสบายใจ แต่ผลตอบแทนที่ได้มักจะไม่ดีครับ เพราะเราซื้อตอนแพงและไปขายตอนถูก จากการวิจัยและศึกษาด้านการลงทุน บ่งชี้ได้ว่าการจับจังหวะตลาดเป็นเรื่องที่ยากมีต้นทุนและอาจจะพลาดได้ ฉะนั้นจะเป็นการดีกว่าไหมถ้าเราจะลงทุนในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อจะได้อยู่กับสิ่งที่เราลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง เพราะสิ่งที่สำคัญของการลงทุนคือ การอยู่ในตลาดให้ต่อเนื่องได้ในระยะยาว

การที่เราจะสามารถลงทุนได้อย่างต่อเนื่องและระยะยาว นอกจากเราต้องเลือกสินทรัพย์การลงทุนที่ดีแล้ว อีกประเด็นที่สำคัญคือ การบริหารความเสี่ยงครับ เพื่อไม่ให้พอร์ตของเราเสียหายไปเกินกว่าที่เราจะรับได้ ซึ่งปัจจัยสำคัญคือ การทำ Asset Allocation การจัดสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสม กล่าวคือ ในส่วนของสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์ และสินทรัพย์มั่นคงอย่างตราสารหนี้ ควรจะอยู่ในระดับใดดี ซึ่งตรงนี้สำคัญครับ หากเรารับความเสี่ยงได้ไม่มาก แต่พอร์ตเราส่วนใหญ่เทไปทางสินทรัพย์เสี่ยงมากเกินไป หากเกิดจังหวะที่ตลาดพักฐานลงมาเกินกว่าที่เรารับได้ เราก็จะขายออกเพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มความสบายใจ แต่ก็มักจะได้ราคาที่ไม่ดี และมักจะมีปัญหาเมื่อเราขายออก เพราะจังหวะที่เราจะเข้ามาลงทุนใหม่มักจะสูงกว่าจุดเดิมที่เราขายไปอีก ดังนั้นเราจึงควรบริหารสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสม ระหว่างสินทรัพย์เสี่ยงกับสินทรัพย์มั่นคง เมื่อถึงช่วงเวลาตลาดพักฐานแน่นอนว่า พอร์ตของเราก็พักฐานด้วย แต่จะอยู่ในระดับที่เรารับได้ เรียกว่า ไม่หวั่นแม้วันมามาก เพราะเราบริหารความเสี่ยงด้วยการลงทุนในระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม

อีกประเด็นคือ การกระจายสินทรัพย์การลงทุนให้เหมาะสม สินทรัพย์เสี่ยงก็ควรจะมีหลากหลายประเภท อย่างหุ้นก็ควรมีหลากหลายประเทศ และก็ควรจะมีหลากหลายตัว เพื่อป้องกันความเสี่ยงของหุ้นรายตัว หรือที่เรียกว่า Unsystematic Risk เพราะหากเราเทน้ำหนักไปที่หุ้นรายตัว หรือรายประเทศใดที่มากเกินไป หากเกิดความผิดพลาด ก็จะกระทบพอร์ต การลงทุนของเราหนักได้ โดยในขั้นตอนการกระจายการลงทุนว่า จะไปลงทุนสินทรัพย์อะไรที่ให้ผลตอบแทนดีแล้ว ก็ต้องมีการบริหารสัดส่วนการลงทุนด้วยว่า จะลงเงินในสัดส่วนเท่าไหร่ที่จะเหมาะสมที่สุด ซึ่งก็ต้องมีการดูเรื่องของการเติบโต, ประเมินมูลค่าความเหมาะสม, ทิศทางราคา และความสัมพันธ์ระหว่างราคาของสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ ที่จะเข้ามาอยู่ในพอร์ต ของเราว่าเป็นไปในทิศทางใด เพื่อจะได้สร้างพอร์ตที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือ ณ ระดับความเสี่ยงที่เราต้องการ พอร์ตการลงทุนจะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด มาถึงขั้นตอนนี้ต้องอาศัยนักวิเคราะห์และโมเดลทางคณิตศาสตร์ เพื่อมาช่วยประเมินให้เหมาะสม ซึ่งหลักทรัพย์บัวหลวงเรามีออกบทวิเคราะห์ทางด้านนี้มานาน เพื่อช่วยนักลงทุนวางแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะสมครับ และนอกจากนี้การปรับพอร์ต หรือ Rebalance ก็เป็นเรื่องที่ควรทำคือ ปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมตามสถานการณ์ เพื่อให้สัดส่วนการลงทุนอยู่ในระดับที่เหมาะสม

การสร้างพอร์ต Asset Allocation นั้นมีประโยชน์ นักลงทุนสามารถลงมือปรับใช้ได้ แต่ก็อาจจะมีความไม่สะดวกในหลาย ๆ ด้าน เช่น จะเลือกลงทุนสินทรัพย์อะไรดี จะลงในสัดส่วนเท่าไหร่ และเมื่อเวลาต้องปรับปรุงพอร์ตจะซื้อเข้าขายออกตัวไหนถึงจะเหมาะสม ซึ่งทางหลักทรัพย์บัวหลวงได้มี Solution ให้บริการลักษณะกองทุนส่วนบุคคล ที่ทำการลงทุนแบบ Asset Allocation ผ่านกองทุนรวม เรียกว่า “BLS Top Fund Portfolio” ที่บริหารพอร์ตการลงทุนให้มีผลตอบแทนและความเสี่ยงให้เหมาะกับนักลงทุนแต่ละท่าน โดยจะทำการคัดเลือก, จัดสัดส่วน และ Rebalance ให้กับนักลงทุนอย่างอัตโนมัติ ผ่านเครื่องมือการลงทุนของทางหลักทรัยพ์บัวหลวง โดยนักลงทุนสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0-2618-1111 เพื่อให้การบริหารพอร์ตการลงทุนเป็นเรื่องง่าย และมีความสุขกับการลงทุนครับ

ข่าวล่าสุด

LIVE ถ่ายทอดสด บุรีรัมย์ พบ การท่าเรือ ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68