ความเชื่อมั่นของประชาชน
คอลัมน์ เปิดประตูค้าชายแดน
ในช่วงที่กำลังรอการเปิดประเทศของเมียนมา ตามประกาศของรัฐบาลทหาร ที่ประกาศออกมาว่า จะอนุญาตให้ประชาชนออกมาเล่นน้ำในเทศกาลเต็งจั่น หรือวันขึ้นปีใหม่ของเมียนมา ซึ่งก็ตรงกับวันสงกรานต์ของไทยเรา
โดยรัฐบาลได้จัดปะรำเวทีกลางกรุงย่างกุ้งและเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งปีนี้เป็นการเปิดครั้งแรกหลังจากที่เจ้าวายร้าย COVID-19 ได้เข้ามาอาละวาดมาเป็นเวลาสองปี ทำให้บรรยากาศดูเหมือนน่าจะคึกคักขึ้นนะครับ
แต่ปรากฎว่าก็มีคำเตือนของกลุ่มที่ไม่ยอมรับรัฐบาล ได้ออกข่าวมาว่า จะไม่รับรองความปลอดภัยของประชาชนที่ออกมาเฉลิมฉลองต็งจั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เมืองมัณฑะเลย์ ทำให้ประชาชนก็เกิดอาการชะงักไปนิดหนึ่งเหมือนกันครับ
ในเทศกาลเต็งจั่นของทุกๆปี นอกจากสองปีที่ผ่านมา ต้องพูดว่าเป็นเทศกาลที่ประชาชนรอคอยกันทั้งประเทศ เพราะเป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่มากทุกหนทุกแห่ง จะอบอวลด้วยดอกประดู่ หรือภาษาเมียนมาเรียกว่า “ บะเด้าปาน” จะมีการนำเอาดอกประดู่หรือบะเด้าปานที่บานสะพรั่งในช่วงฤดูร้อนของทุกปี จะเหลืองอะร่ามไปหมดทั่วประเทศ
สาวๆก็จะนำเอาดอกประดู่หรือบะเด้าปานมาเหน็บหู แล้วฟ้อนรำทำเพลงกันสนุกสนาน ส่วนการเล่นน้ำทางรัฐบาลก็จะจัดทำเวทีที่ทำด้วยไม้อย่างดีสูงประมาณสองเมตร อยู่ตามถนนสำคัญๆของเมือง บนเวทีก็จะมีหัวฉีดน้ำให้ทุกเวที ทุกคนก็จะออกมาร่วมสนุกกันตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึงเที่ยง จากนั้นก็จะพักประมาณสามชั่วโมง จึงเริ่มต้นเล่นรอบบ่ายกันใหม่จนมืดค่ำ
บนเวทีนอกจากจะฉีดน้ำเล่นสาดน้ำกันสนุกสนานแล้ว ยังมีการแสดงบนเวที ที่มีทั้งดนตรีร้องรำทำเพลงกัน ยังมีการแข่งขันต่างๆที่สร้างความบรรเทิงให้แก่ผู้คนกันทุกหนแห่งครับ
ในส่วนของเมืองที่ปีนี้ ได้ถูกออกมาประกาศว่าจะไม่รับรองความปลอดภัยของผู้ที่ออกมาเฉลิมฉลองเล่นน้ำกัน เช่นที่เมืองมัณฑะเลย์นั้น เวทีส่วนใหญ่ก็จะสร้างกันรอบพระราชวังมัณฑะเลย์หลายเวที ห่างกันไม่ถึงร้อยเมตรก็หนึ่งเวที เป็นแหล่งที่คึกคักและสนุกสนานที่สุดแล้วครับ
ทุกปีบริษัทผมก็จะหาเช่าเวทีมาจัดทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อขายสินค้า อีกทั้งเป็นการให้พนักงานได้มีโอกาสได้เล่นน้ำกัน แต่พอโดนเตือนเช่นนี้ การเล่นน้ำก็คงไม่สนุกแล้วละครับ
ในขณะเดียวกัน ในช่วงปลายเดือนมีนาคม รัฐบาลก็ประกาศให้มีการเปิดประเทศให้สายการบินพาณิชย์สามารถบินเข้าไปเมียนมาได้ ตั้งแต่วันที่ 17 เป็นต้นไป แต่มีข้อแม้ว่า ให้มีการขอวีซ่าเพื่อเดินทางสำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าไปเมียนมา ซึ่งการขอวีซ่าก็ไม่ได้ง่ายๆเลยครับ มีเงื่อนไขเยอะแยะไปหมด
ดีที่ว่ารัฐบาลเมียนมาเพิ่งจะประกาศให้ดำเนินการ Test and Go ได้แล้ว นั่นคือให้บุคคลที่ประสงค์จะเดินทางเข้าเมียนมา ได้ไปทำ RT-PCR ก่อนเดินทาง 72 ชั่วโมง และจะต้องมีการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว อย่างที่ผมเคยเขียนในบทความไปแล้ว
จึงทำให้ผมตัดสินใจ ให้น้องๆที่เมียนมา ทำการสำรวจแบบสอบถามแบบง่ายๆ โดยใช้เวลาไม่นานนัก อีกทั้งจำนวนตัวอย่างที่น้องๆทำมา ก็มีเพียง 246 ตัวอย่างเท่านั้น จึงขออนุญาตไม่ใช้คำว่าทำวิจัยนะครับ เอาแค่อยากสอดรู้สอดเห็นเล็กๆน้อยๆก็พอครับ
สิ่งที่ผมจัดทำแบบสำรวจสอดรู้สอดเห็นนี้ มีคำถามเพียงไม่กี่คำถาม คำตอบให้เลือกตอบก็มีเพียง 3 คำตอบคือ เชื่อหรือเห็นด้วย ไม่เชื่อหรือไม่เห็นด้วย และไม่มีความเห็นเท่านั้นครับ
เนื่องด้วยทั้งคำถามที่ถาม คำตอบที่ได้ จำนวนตัวอย่างประชากร ก็ไม่ได้มาตรฐานใดๆ จึงไม่ขอให้นำไปอ้างอิงนะครับ ขอให้อ่านเล่นๆเอามันก็พอครับ
คำถามข้อที่ 1 ถามว่า ท่านคิดว่านโยบายเปิดประเทศของเมียนมาจะสามารถทำให้กระตุ้นนักท่องเที่ยวได้จริงหรือไม่?
A, เชื่อว่าได้ 43% B, เชื่อว่าไม่มีผล 32% C, ไม่มีความเห็น 25%
คำถามข้อที่ 2 จากนโยบายดังกล่าว ท่านเชื่อว่าจะมีนักธุรกิจเดินทางเข้ามาในประเทศเมียนมาหรือไม่?
A, เชื่อว่ามี 62% B, เชื่อว่าไม่มี 24% C, ไม่มีความเห็น 14%
คำถามข้อที่ 3 ท่านเชื่อว่าตลาดการค้าจะคึกคักขึ้นหรือไม่?
A, เชื่อว่าคึกคักมากขึ้น 29% B, ซบเซาเหมือนเดิม 46% C, ไม่มีความเห็น 25%
คำถามข้อที่ 4 ท่านเชื่อว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดมากกว่าปัจจุบันหรือไม่ ?
A, เชื่อว่ามากขึ้น 32% B, เชื่อว่ายังคงเหมือนเดิม 52% C, ไม่มีความเห็น 16%
จากการสำรวจด้วยความสอดรู้สอดเห็นของผม ทำให้มองออกว่า ประชาชนยังขาดความเชื่อมั่นในการดำเนินการนโยบายนี้อยู่พอสมควร เท็จจริงประการใด?เชื่อถือได้หรือไม่? ผมเองก็ไม่กล้ายืนยันนะครับ
เพราะการจัดทำครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปตามแนวทางตามหลักการของการสำรวจ ดังที่กล่าวมาข้างต้น เพียงแต่ให้เราอ่านเล่นกันสนุกๆเท่านั้น ก็ขอความกรุณาไม่ต้องด่าหรือคอมเม้นต์มาก็ได้นะครับ


