ตำนานสุนทราภรณ์ (6)
โดย...น.พ.วิชัย โชควิวัฒน
********************
อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้วงดนตรีสุนทราภรณ์ยิ่งใหญ่และยืนยงอยู่มายาวนานจนบัดนี้คือ ความมีอายุยืนยาวพอสมควรของครูเอื้อ
ครูเอื้อเกิดเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2453 และจากโลกนี้ไปเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2524 สิริรวมอายุได้ 71 ปี 2 เดือน 11 วัน โดยวงดนตรีสุนทราภรณ์ถือกำเนิดเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2482 ครูเอื้อจึงมีเวลา ฟูมฟัก พัฒนา และประคับประคองวงดนตรีของตนอยู่ได้อย่างยาวนานถึง 41 ปีเศษ ยาวนานเพียงพอที่จะทำให้วงดนตรีมีความมั่นคง เข้มแข็ง ยิ่งใหญ่ และยืนยง
โดยครูเอื้อ สร้างและพัฒนาวงดนตรีอย่างเป็นระบบ เพราะนอกจากวงดนตรีแล้ว ครูเอื้อยังก่อตั้งโรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรีเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2512 หลังจากวงดนตรีสุนทราภรณ์เกิดและเติบโตมาอย่างเข้มแข็งจนมีอายุเกือบครบ 30 ปี
เวลานั้นวงดนตรีสุนทราภรณ์ มีพรั่งพร้อมทั้งผู้ประพันธ์ ทำนอง คำร้อง เพลง นักดนตรี นักร้อง ที่ครูเอื้อสร้างและพัฒนามากับมืออย่างพรั่งพร้อม ซึ่งไม่เพียงให้ความบันเทิงแก่ประชาชนคนไทยโดยได้รับความรักความนิยมอย่างกว้างขวางทั่วประเทศแล้ว ยังมี “องค์ความรู้” (Body of knowledge) ที่ “ครบเครื่อง” “บริบูรณ์” พร้อมที่จะถ่ายทอดให้แก่คนรุ่นต่อๆ ไป
นับเป็น “แบบอย่าง” ที่ดี ของการสร้างและสืบทอด “ศาสตร์และศิลป์” ทุกแขนง ไม่เฉพาะเพียงด้านการดนตรีเท่านั้น
ในทางการแพทย์มีกรณีที่สามารถเปรียบเทียบกันได้ คือ กรณีของ “เมโยคลินิก” ของพี่น้อง “เมโย” ที่เริ่มต้นจากการสร้างโรงพยาบาลให้บริการทางการแพทย์ที่ดีแก่ประชาชน โดยไม่เพียงการใช้ “ศาสตร์และศิลป์” หรือความรู้ที่มีอยู่เดิมๆ ในการดูแลรักษาคนไข้เท่านั้น แต่ยังมีการ “วิจัยและพัฒนา” (Research and Development) วิธีการรักษาคนไข้ให้มีประสิทธิผลและคุณภาพดียิ่งขึ้น จนถึงจุดหนึ่งก็มีความรู้สึกว่า ไม่ควรจะเก็บความรู้ไว้ในวงแคบๆ เท่านั้น จึงเริ่มต้น “การฝึกอบรม” (Training) แก่ “แพทย์ทั่วไป” เพื่อฝึกให้เป็น “แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ”
เมื่อมีประสบการณ์ทั้งด้าน “เวชปฏิบัติ” (Medical practice) ที่ดี และการสอนแบบ “ฝึกอบรม” (Training) จนมั่นใจถึงขีด และมี “องค์ความรู้” มากพอจึงเปิดโรงเรียนแพทย์ เพื่อ “สอน” (Teach) นักเรียนให้เป็น “แพทย์”
คำว่า “องค์ความรู้” นั้น มักใช้กันพร่ำเพรื่อ เรียกความรู้เป็น “ชิ้นๆ” (piecemeal) ว่าเป็น “องค์ความรู้” (Body of knowledge) แท้จริงแล้ว “องค์ความรู้” หมายถึง “ชุดที่สมบูรณ์ชุดหนึ่งของกรอบความคิด นิยามศัพท์ และกิจกรรมต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นเป็นวิชาชีพแขนงหนึ่ง ตามที่นิยามโดยสมาคมวิชาชีพหรือสมาคมของผู้ทรงความรู้ที่เกี่ยวข้อง” (A body of knowledge is the complete set of concepts, terms, and activities that make up a professional domain, as defined by the relevant learned society or professional association)
โรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรีถือกำเนิดขึ้นด้วยลักษณะเช่นว่านี้ และค้ำจุนซึ่งกันและกันกับวงดนตรี สุนทราภรณ์ให้เข้มแข็ง มั่นคง ยืนยาว
นอกจากโรงเรียนแล้ว ครูเอื้อยังได้ร่วมก่อตั้ง “ชมรมดนตรี” กับบุคคลสำคัญ เช่น ม.จ.จักรพันธุ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์, หลวงสุขุมนัยประดิษฐ์, นายชมพู อรรถจินดา, ครูแก้ว อัจฉริยะกุล, ครูสง่า อารัมภีร ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็น “สมาคนดนตรีแห่งประเทศไทย” และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ รับไว้ในพระราชูปถัมภ์ ซึ่งครูเอื้อได้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมในช่วงหนึ่งด้วย (เล่ม 1 น. 499)
แท้จริงแล้ว ครูเอื้อมีชีวิตที่ยากลำบาก และตรากตรำทำงานหนักในวัยเด็กและวัยหนุ่ม โดยเป็นเด็กบ้านนอกจากอัมพวา บางครั้งถึงขั้น “อดมื้อกินมื้อ” เล่ากันว่าบางครั้งถึงขั้นต้องไปเก็บมะขามจากสนามหลวงมาประทังหิว ทำให้สมัยหนุ่มผอมมาก และ “ท้องไส้” ก็ไม่ใคร่ปกติ ท้องเสียง่าย นอกจากนั้นยังสูบบุหรี่และไป๊ป์ ซึ่งทำให้บั้นปลายชีวิตต้องจากโลกนี้ไปด้วยมะเร็งปอด
ตลอดชีวิตนักดนตรีที่ “รับราชการ” ตั้งแต่อายุได้เพียง 14 ขวบ จนเกษียณอายุ ครูเอื้อต้องแบกรับทั้ง “งานหลวง” และ “งานราษฎร์” กลางวันทำราชการ ตกเย็น-ค่ำ ต้องไปทั้งเล่นดนตรี ร้องเพลง และเมื่อตั้งวงดนตรีตอนอายุได้ 29 ขวบ ก็ต้องคุมวงดนตรีซึ่งมีผู้คนอีกนับสิบชีวิตให้ต้องดูแล ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ต้องทั้งหลบระเบิด และอดหลับอดนอนเพื่อแต่งเพลงปลุกใจให้ “ทันใจ” ผู้นำคือจอมพล ป. พิบูลสงครามด้วย
ชีวิตของครูเอื้อจึงเป็นบทพิสูจน์หนึ่งของคติของท่านศาสตราจารย์นายแพทย์เสม พริ้งพวงแก้ว ที่บอกว่า “ชีวิตที่ลำบาก คือชีวิตที่เจริญ” รวมทั้งทฤษฎีของนายแพทย์โนชิโนะริ นะงุโมะ นายแพทย์ชาวญี่ปุ่นที่เขียนหนังสือขายดีเล่มหนึ่ง ชื่อ “ยิ่งหิว ยิ่งอายุยืน” และคติที่ว่า “กินน้อยอยู่นาน”
ชีวิตนักดนตรีที่ต้องทนหิวนั้น มิใช่เกิดกับคนทั่วไปเท่านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ก็ทรงพระราชนิพนธ์เพลงเพลงหนึ่งที่สะท้อนความหิวของนักดนตรี คือ เพลง H.M.Blues ที่คนจำนวนมากเข้าใจผิดว่า คือ His Majesty Blues (ความเศร้าของฝ่าพระบาท) ความจริงคือ Hungry Men Blues (ความเศร้าของคนหิว)
เบื้องหลังความมีอายุยืนยาวของครูเอื้อประการหนึ่งคือ เมื่อได้แต่งงานกับคุณอาภรณ์ กรรณสูต เมื่ออายุได้ 33 ปี คุณอาภรณ์เป็นศรีภริยาที่ทำหน้าที่แม่ศรีเรือน ทำหน้าที่ “แม่บ้าน แม่เรือน” อย่างแท้จริง คอยดูแลด้านอาหารการกิน ตามปกติเมื่อไปทำงานที่กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งสมัยก่อนอยู่ตรงหัวถนนราชดำเนินกลาง ใกล้บ้าน ปกติทุกวันจะต้องกลับไปกินข้าวกลางวันที่บ้าน โดยคุณอาภรณ์ดูแลทั้งนักร้อง นักดนตรี ทุกคน ที่ไปเป็นแขกประจำที่บ้านด้วย
นอกจากดูแลเรื่องอาหารการกินแล้ว คุณอาภรณ์ยังดูแลเรื่อง “ธุรกิจ” ต่างๆ เช่น เมื่อห้างแผ่นเสียงตกลงทำแผ่นเสียงจำนวนเท่าใดก็จะต้องไปนับจำนวน และเซ็นชื่อกำกับไว้ทุกแผ่น ป้องกันการโกง
เมื่อมีการรับเงิน จ่ายเงินให้แก่ผู้ใด คุณอาภรณ์จะลงบัญชีอย่างละเอียดป้องกันปัญหามิให้เกิดขึ้น โดยมีการ “เก็บออม” และ “ลงทุน” เช่น ซื้อที่ดินไว้ เป็นต้น
เป็นส่วนหนึ่งและส่วนสำคัญที่ทำให้วงดนตรีสุนทราภรณ์ยิ่งใหญ่ มั่นคง และยืนยงมายาวนาน
****************************


