posttoday

ค่าเงินบาท จับตาการประชุมเฟด

15 มีนาคม 2564

คอลัมน์ มันนี่วีก (Money… week) โดย...พีรพรรณ สุวรรณรัตน์, พินทุ์ณาดา กิตติวาณิชย์ สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย

สายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทยประเมินว่าเงินบาทมีปัจจัยสนับสนุนแนวโน้มการแข็งค่าโดยประเมินกรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้ที่ 30.50-30.90 ตลาดติดตามความคืบหน้าประสิทธิภาพของการฉีดวัคซีนและการเปิดเศรษฐกิจ เหตุการณ์สำคัญที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้คือ การประชุมนโยบายการเงินขอวงธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยตลาดรอประเมินความเห็นของเฟด รวมถึงเครื่องมือที่เฟดอาจใช้เพื่อควบคุมการปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็วของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ส่งผลให้เกิดการเทขายหุ้นทั่วโลกก่อนหน้านี้ ด้านการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารอื่นๆ ตลาดรอติดตามคำแถลงของธนาคารกลางญี่ปุ่นเกี่ยวกับการผ่อนคลายให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร อายุ 10 ปีเคลื่อนไหวได้เสรีขึ้น รวมถึงแนวโน้มของการใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบของธนาคารกลางอังกฤษ ขณะที่ธนาคารกลางอินโดนีเซียมีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 3.50% ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ นักลงทุนรอติดตามการรายงานตัวเลขยอดค้าปลีกและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ และจีน

ภาพรวมตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทผันผวนมากในกรอบ 30.50-30.95 ในช่วงต้นสัปดาห์ เงินบาทอ่อนรวดเร็วแตะระดับอ่อนค่าที่สุดในรอบ 5 เดือนที่ 30.95 จากการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้นรวดเร็วในช่วงกลางสัปดาห์เนื่องจากตลาดการเงินโลกเข้าสู่ภาวะเปิดรับความเสี่ยงจากมุมมองเชิงบวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อลดลงหลังจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ เดือนกุมภาพันธ์ต่ำกว่าที่ตลาดคาด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลง

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามในกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ในร่างดังกล่าว ชาวอเมริกันส่วนใหญ่จะได้รับเงินช่วยเหลือ 1,400 ดอลลาร์ และร่างดังกล่าวยังรวมถึงการอุดหนุนประกันสุขภาพฉบับใหม่ ค่าลดหย่อนภาษีเด็ก และเงินช่วยเหลือรัฐบาลท้องถิ่น 3.6 แสนล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีการขยายเวลาเงินช่วยเหลือผู้ว่างงาน 300 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ไปจนถึงกันยายน

ด้านการประชุมนโยบายการเงิน ธนาคารกลางยุโรปคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายและให้คำมั่นที่จะเพิ่มขนาดของการซื้อสินทรัพย์ โดยอีซีบีคงวงเงินของมาตรการซื้อสินทรัพย์ในภาวะฉุกเฉิน (Pandemic Emergency Purchase Program) ที่ 1.85 ล้านล้านยูโรจนถึงเดือนมีนาคม 2022 โดยแถลงการณ์ระบุว่า การเข้าซื้อสินทรัพย์ในมาตรการดังกล่าวน้อยกว่าปกติในช่วงไตรมาสที่ 1 แต่อีซีบีมีแผนจะเพิ่มขนาดของการซื้อสินทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญในระยะข้างหน้าเพื่อดูแลการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เงินบาทเคลื่อนไหวกลับมาอ่อนค่าลงในช่วงปลายสัปดาห์ จากความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวหลังจากมีรายงานว่าพบผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซเนกาแล้วเกิดอาการภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งทำให้มีการเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไป โดยเงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 30.78 (วันศุกร์ เวลา 17.44 น.)ภาพรวมตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของประเทศสหรัฐฯ อายุ 10ปี ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1.50-1.60% ซึ่งถือเป็นโซนที่สูงที่สุดในรอบ 1 ปี ปัจจัยหลักของการปรับตัวขึ้นมาจากความกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ โดยในสัปดาห์นี้ปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาดคือ ข่าวของประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ลงนามในร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เรียบร้อยแล้ว ประกอบกับที่ตลาดยังได้แรงหนุนจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563 อีกด้วย ทั้งนี้ตลาดยังคงติดตามเรื่องของการประชุม FOMC ในวันที่ 16-17 มีนาคม 2564 ว่าผลของการประชุมจะออกมาในโทนไหน รวมไปถึงหน้าตาของ Dot Plot จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมหรือไม่ ขณะที่ประเด็นในประเทศคงต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย ในวันที่ 24 มีนาคม 2564 ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงมุมมองในการกำหนดนโยบายการเงินอย่างไรในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน โดย ณ วันที่ 12 มีนาคม 2564 อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยรุ่นอายุ 1, 2, 3, 5, 7 และ 10ปี อยู่ที่ 0.52% 0.66% 0.80% 1.21% 1.56% และ 1.96% ตามลำดับ

ค่าเงินบาท จับตาการประชุมเฟด

กระแสเงินทุนต่างชาติในสัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าจากตลาดตราสารหนี้ไทยรวมสุทธิประมาณ 618 ล้านบาท ซึ่งเป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้น 2,029 ล้านบาท ซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะยาว 684 ล้านบาท และมีตราสารหนี้ที่ถือครองโดยนักลงทุนต่างชาติหมดอายุ 2,095 ล้านบาท

ข่าวล่าสุด

นครชัยแอร์ ผนึก NEX ชิงดีลรถเมล์ไฟฟ้า ขสมก. 1,520 คัน มูลค่า 1.53 หมื่นล้าน