posttoday

พ่อแห่งแผ่นดิน: แนวคิดพ่อปกครองลูกของอังกฤษ: เหตุผลและข้อโต้แย้ง (2)

24 ธันวาคม 2563

โดย...ไชยันต์ ไชยพร

******************

เซอร์โรเบิร์ต ฟิลเมอร์นำเสนอทฤษฎีการเมืองที่เรียกว่าทฤษฎีปิตาธิปไตยที่สนับสนุนว่าพระมหากษัตริย์มีพระราชอำนาจปกครองเหนือราษฎรหากพระองค์ทรงปกครองราษฎรอย่างพ่อปกครองลูก สาเหตุสองประการที่ฟิลเมอร์ต้องสร้างทฤษฎีดังกล่าวนี้ขึ้นคือ หนึ่ง คำอธิบายให้ความชอบธรรมต่อการปกครองของพระมหากษัตริย์ตามแนวคิดเทวสิทธิ์เริ่มใช้ไม่ได้ เพราะการค้นพบความรู้วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่สิบเจ็ดเริ่มสั่นคลอนแนวคิดดังกล่าว สอง คำอธิบายชุดใหม่ที่ว่าให้อำนาจพระมหากษัตริย์มาจากอำนาจของประชาชนที่เสนอโดยโทมัส ฮอบส์เป็นแนวคิดที่ฟิลเมอร์ไม่เห็นด้วย

พ่อแห่งแผ่นดิน: แนวคิดพ่อปกครองลูกของอังกฤษ: เหตุผลและข้อโต้แย้ง (2)

พ่อแห่งแผ่นดิน: แนวคิดพ่อปกครองลูกของอังกฤษ: เหตุผลและข้อโต้แย้ง (2) พ่อแห่งแผ่นดิน: แนวคิดพ่อปกครองลูกของอังกฤษ: เหตุผลและข้อโต้แย้ง (2)

พ่อแห่งแผ่นดิน: แนวคิดพ่อปกครองลูกของอังกฤษ: เหตุผลและข้อโต้แย้ง (2)

คราวที่แล้วได้อธิบายทิ้งไว้ว่า วรรณกรรมเรื่อง King Lear ของเชคสเปียร์ได้สะท้อนให้เห็นถึงค่านิยมสังคมอังกฤษที่ให้ความสำคัญกับอำนาจของพ่อต่อบุตรธิดาและเชื่อมโยงไปสู่อำนาจของพระมหากษัตริย์ด้วย King Lear เป็นบทละครที่สะท้อนภาพความเชื่อของสังคมสมัยนั้นที่ถือว่า อำนาจของผู้เป็นพ่อนั้นชอบธรรมและเป็นไปตามกฎธรรมชาติ และการต่อต้านหรือทำลายอำนาจของผู้เป็นพ่อก็จะนำไปสู่การพังทลายของสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากวรรณกรรมของเชคสเปียร์แล้ว ยังมีวรรณกรรมอื่นๆอีกที่สะท้อนแนวคิดดังกล่าวนี้ เช่น First Anniversary ของจอห์น ดอนน์ (John Donne) ได้กล่าวไว้ว่า ความสับสนอลหม่าน (chaos) จะบังเกิดขึ้นในโลกหากมีการละเมิดทำลายสายสัมพันธ์ครอบครัวระหว่างพ่อกับลูกอันเป็นสายสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่แข็งแกร่งที่สุด

พ่อแห่งแผ่นดิน: แนวคิดพ่อปกครองลูกของอังกฤษ: เหตุผลและข้อโต้แย้ง (2)

                                               KING LEAR บทละคนสะท้อนค่านิยมปิตาธิปไตย

อำนาจของผู้เป็นพ่อนั้นครอบคลุมอยู่เหนือทุกคนในครอบครัว ไม่เฉพาะเพียงกับบุตรของเขาเท่านั้น แต่รวมถึงคนรับใช้และภริยาของเขาด้วย ใครก็ตามที่มีชีวิตอยู่ลำพังโดยไม่มีครอบครัว ถือว่าเป็นคนที่ไม่มีใครคอยคุ้มหัวดูแลปกครอง (the masterless man) และถือว่าเป็นสิ่งวิปริตทางสังคม บรรดานักศีลธรรมในสังคมอังกฤษสมัยนั้นต่างพากันเตือนให้ผู้ที่เป็นภริยาตระหนักถึงหน้าที่ที่จะต้องอยู่ในอำนาจและเชื่อฟังสามีของเธอ แต่ผู้หญิงจะได้รับการอนุญาตให้ไม่ต้องเชื่อฟังพ่อของเธอ หากเธอต้องเลือกระหว่างการเชื่อฟังพ่อกับการเชื่อฟังสามี เพราะผู้หญิงควรที่จะต้องเชื่อฟังสามีของเธอเป็นสำคัญ ค่านิยมและแนวคิดดังกล่าวนี้ได้ฝังแน่นอยู่ในความเชื่อของผู้คนในสังคมอังกฤษสมัยนั้น และด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการสร้างทฤษฎีการเมืองแนวปิตาธิปไตยของฟิลเมอร์

การเปรียบเทียบกษัตริย์กับพ่อเป็นเรื่องปรกติที่พบได้ในวรรณกรรมยุคต้นๆราชวงศ์สจ๊วต บรรดาผู้ที่นิยมสถาบันกษัตริย์ (royalist) สมัยนั้นอย่างวิลเลียม ทุกเคอร์ (William Tooker) และเดวิด โอเวน (David Owen) ได้ออกมาประกาศว่า พระมหากษัตริย์ (พระเจ้าเจมส์ที่หนึ่ง) คือ “พ่อของแผ่นดิน” ของพระองค์ (The King was the father of his country.) และนักเขียนงานการเมืองอย่างเอ็ดเวิร์ด ฟอร์เซทท์ (Edward Forsett) ก็ได้กล่าวเสริมว่า การปกครองของกษัตริย์ต่อราษฎรของพระองค์ในฐานะพ่อปกครองลูกนั้นเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับหลักธรรมชาติ คัมภีร์ไบเบิลถูกนำมาตีความสนับสนุนระบอบปิตาธิปไตย โดยเฉพาะบทบัญญัติข้อที่ห้าที่ว่า “จงเคารพนับถือพ่อและแม่ของเจ้า” ที่ถูกตีความว่า ให้เคารพนับถือพ่อแท้ๆและเคารพนับถือองค์พระมหากษัตริย์ในฐานะพ่อของแผ่นดินด้วย

แต่ความเชื่อที่ว่าอำนาจของผู้เป็นพ่อและอำนาจของกษัตริย์นั้นเป็นอำนาจที่เหมือนกันไม่ได้บ่งบอกถึงกำเนิดและธรรมชาติของสังคมการเมืองแต่อย่างใด อย่างเช่น ในยุคโรมัน จักรพรรดิโรมันได้สร้างสมญานามของตนโดยใช้วลีว่า “บิดาแห่งปิตุภูมิ” (“father of the fatherland”/ pater patriae) แม้ว่าในทางหลักการการปกครองของโรมันจะกล่าวชัดเจนว่า อำนาจของจักรพรรดิมาจากประชาชนก็ตาม

แต่ในทางตรงกันข้าม สำหรับอำนาจของผู้เป็นพ่อนั้นไม่ได้มาจากฉันทานุมัติของลูกๆของเขา ดังนั้น มันจึงมีปัญหาในการเชื่อมโยงหรือเปรียบเทียบอำนาจของกษัตริย์กับอำนาจของผู้เป็นพ่อ ทางออกของปัญหาดังกล่าวนี้ก็คือ สิ่งที่ปรากฏในทฤษฎีการเมืองของฟิลเมอร์ที่นำเสนอว่า อำนาจของกษัตริย์นั้นมาจากพระผู้เป็นเจ้า เพราะการปกครองของสังคมการเมืองแรกเริ่มในโลกหาใช่เป็นประชาธิปไตยที่ทุกคนดูแลปกครองตัวเองไม่ แต่เป็นการปกครองในแบบครอบครัวที่ผู้ที่เป็นพ่อและเป็นกษัตริย์ในเวลาเดียวกันนั้นมีสมบูรณาญาสิทธิ์เหนือคนในครอบครัวของเขา

กระนั้นก็ดี หากย้อนกลับไปในศตวรรษที่สิบหก จะพบว่าพวกแคธอลิคยอมรับว่า ผู้เป็นพ่อมีอำนาจได้นั้น ไม่ใช่เพราะการยินยอมของคนในครอบครัว แต่เป็นเพราะพระผู้เป็นเจ้าได้ประทานอำนาจแห่งความเป็นบิดาให้เขา แต่กระนั้น พวกแคธอลิกก็แบ่งแยกระหว่างอำนาจในครัวเรือนของพ่อและอำนาจทางการเมืองของกษัตริย์ และยืนยันว่าอำนาจกษัตริย์นั้นมาจากไพร่ฟ้าราษฎรของพระองค์ ซึ่งนักคิดที่ชื่อริชาร์ด ฮุคเคอร์ (Richard Hooker: 1554-1600)ได้รับเอาแนวคิดดังกล่าวนี้มาประยุกต์และกล่าวว่า อำนาจอันชอบธรรมของกษัตริย์นั้นถูกจำกัดโดยเงื่อนไขที่ว่า ประชาชนเป็นผู้มอบอำนาจให้พระองค์

พ่อแห่งแผ่นดิน: แนวคิดพ่อปกครองลูกของอังกฤษ: เหตุผลและข้อโต้แย้ง (2)

                                                               ริชาร์ด ฮุกเกอร์

อย่างไรก็ตาม จากแนวคิดดังกล่าวที่ว่า อำนาจกษัตริย์และอำนาจบิดาเป็นอำนาจชนิดเดียวกัน ดังนั้น ผู้เป็นพ่อก็ต้องมีอำนาจในการลงโทษบุตรของตนให้ถึงแก่ชีวิตได้ และด้วยเหตุนี้ พระเจ้าเจมส์ที่หนึ่งได้ตรัสต่อรัฐสภาในปี ค.ศ. 1610 ว่า “ในฐานะบิดาของครอบครัว ภายใต้กฎธรรมชาติ (the Law of Nature patriam potestatem) อำนาจดั้งเดิมเก่าแก่ของบิดาจึงเป็นอำนาจแห่งความเป็นและความตาย (potestatem vitae et necis) เหนือบุตรของเขา โดยเราหมายถึงพ่อและครอบครัวแรกเริ่มเหล่านั้นที่เป็นจุดเริ่มต้นที่มาของอำนาจกษัตริย์”

ฟิลเมอร์ได้ให้เหตุผลสนับสนุนในทฤษฎีปิตาธิปไตยของเขาโดยอ้างไปที่เนื้อหาของคัมภีร์ไบเบิลว่า รูปแบบการปกครองแบบแรกหนึ่งเดียวที่พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดให้มนุษย์ก็คือ “การปกครองในครอบครัว” นั่นเอง นั่นคือ การปกครองที่บิดาอยู่เหนือบุตรของเขา

นักคิดบางคนที่มีทัศนะในแนวเดียวกันนี้ เช่น จอห์น แอพ โรเบิรต์ (เกิด ค.ศ. 1583) กล่าวว่า ครอบครัวเป็นหน่วยหนึ่งของสังคมอารยะที่พระผู้เป็นเจ้าและธรรมชาติได้กำหนดขึ้นมา เขากล่าวว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงประทานอำนาจแก่ผู้เป็นพ่อให้สามารถลงโทษลูกหลานของเขาได้ แม้จะเป็นการลงโทษถึงชีวิตก็ตาม และจากการกล่าวอ้างดังกล่าวนี้เองที่ทำให้นักคิดในแนวปิตาธิปไตยนี้ประสานเชื่อมต่ออำนาจในครัวเรือนกับอำนาจทางการเมืองเข้าด้วยกัน ทำให้อำนาจของผู้ปกครองมิได้มาจากมนุษย์ แต่มาจากพระผู้เป็นเจ้า แต่ไม่ใช่เทวสิทธิ์ที่ต้องผ่านศาสนจักร

ขณะเดียวกัน คำอธิบายแบบนี้ก็สามารถโต้แย้งแนวคิดสมัยใหม่ที่ว่า โดยธรรมชาติแรกเริ่มนั้น “มนุษย์เกิดมาเสรี” ที่ปรากฏในทฤษฎีการเมืองในแนวสัญญาประชาคมของฮอบส์ ด้วยมนุษย์ทุกคนที่เกิดมา ย่อมอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของผู้เป็นบิดาของเขาเสมอ

***************************

ข่าวล่าสุด

LIVE ถ่ายทอดสด สเปอร์ส พบ ลิเวอร์พูล พรีเมียร์ลีก วันนี้ 20 ธ.ค.68