posttoday

เศรษฐกิจไทย...ท่ามกลางนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป

03 พฤศจิกายน 2563

คอลัมน์ 10 เรื่องต้องรู้ สู่ความมั่งคั่ง โดย...นิษณากาญจน์ ภาษวัธน์ ธนาคารกสิกรไทย

1. อย่างที่เราทราบกันดี ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศท่องเที่ยวหลักของโลก โดยในปี 2019 ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากกว่า 39 ล้านคน ทำให้มีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวถึง 1.9 ล้านล้านบาท 2. แน่นอนว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงอย่างมาก จากการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน คาดว่าจะทำให้รายได้จากภาคการท่องเที่ยวไทยปีนี้ลดลงเหลือ 3 แสนล้านบาทเท่านั้น ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อ GDP ไทยในปีนี้ โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา การส่งออกภาคบริการที่มีภาคการท่องเที่ยวเป็นสัดส่วนหลักหดตัวถึง 70% ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม และภัตตาคารที่ได้รับผลกระทบโดยตรงก็หดตัวลงมากกว่า 50%

3. สำหรับมุมมองต่อจากนี้ โอกาสที่ภาคการท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวกลับมาที่จุดเดิมอาจต้องใช้ระยะเวลานานอาจจะยาวถึงครึ่งปีหลัง 2021 ทั้งนี้มีโอกาสล่าช้าออกไปอีก หากการพัฒนา และการแจกจ่ายวัคซีนต้านโรคโควิด 19 ทำได้ช้ากว่าเป้าหมาย

4. นอกจากนี้ ด้านการส่งออกไทย (ไม่รวมทองคำ) โดยรวมเริ่มดูดีขึ้นในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยหดตัว 3.9% YoY ทำให้การส่งออกไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปีหดตัวรวม 7.3% แม้ว่าการส่งออกจะหดตัวเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน แต่ก็เป็นการหดตัวที่น้อยลงต่อเนื่อง โดยแรงหนุนหลักมาจากกลุ่มอุตสาหกรรมหมวดอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ อย่างไรก็ดี หากเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค การฟื้นตัวของภาคการส่งออกไทยถือว่ายังอ่อนแอกว่า

5. ดังนั้น การหวังพึ่งอุปสงค์ภายนอกประเทศยังยากลำบากท่ามกลางภาวการณ์ปัจจุบัน รัฐบาลจึงออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเน้นไปยังภาคการบริโภค และการท่องเที่ยวภายในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ที่สามารถนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไม่เกิน 30,000 บาท และมาตรการ “คนละครึ่ง” ที่อุดหนุนค่าใช้จ่าย 50% ไม่เกิน 150 บาท / วัน ไม่เกิน 3,000 บาท / คน รวมถึงขยายเวลามาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน” จากเดิมที่สิ้นสุดในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาให้ไปสิ้นสุดที่ 31 มกราคม 2021 อย่างไรก็ดี โดยรวมคาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีผลเพียงจำกัดราว 0.3% ของ GDP เท่านั้น

6. ด้านปัจจัยเสี่ยงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต่อจากนี้ยังสูง ไม่ว่าจะเป็น 1) ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ 2) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ยังอ่อนแอ 3) ความล่าช้าในการเบิกจ่ายภาครัฐฯ 4) ระดับหนี้ที่สูงขึ้น และ 5) การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ทั่วโลก

7. ย้อนดู GDP ไทยในครึ่งแรกของปี 2020 หดตัวถึง 6.9% ซึ่งหากภาคการท่องเที่ยวยังซบเซา บวกกับปัจจัยความขัดแย้งทางการเมืองกดดันต่อเนื่อง GDP ไทยทั้งปี 2020 ก็มีโอกาสหดตัวลงไปได้อีก โดยล่าสุด Bloomberg Consensus คาดการณ์ว่าทั้งปี 2020 GDP ไทยจะอยู่ที่ -7.2%

8. สำหรับทิศทางค่าเงินบาท มีโอกาสแข็งค่าขึ้น โดยมุมมองของธนาคารกสิกรไทยให้ไว้ที่ระดับ 30.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ณ สิ้นปี 2020 โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากทิศทางดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าหากนาย Biden ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนใหม่ รวมถึงมาตรการกระตุ้นนโยบายการเงินของ FED ที่ทำให้สภาพคล่องของเงินดอลลาร์มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

9. สำหรับทิศทางอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยคาดว่าจะยังต่ำอีกนาน ตามทิศทางดอกเบี้ยโลกที่ต่ำติดดิน โดยธนาคารกสิกรไทยมองว่า ธปท.จะยังคงดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบันไปจนถึงสิ้นปี 2021

10. สำหรับการลงทุนในหุ้นไทย เรายังไม่แนะนำ เนื่องจากปัจจัยหนุนของตลาดหุ้นไทยยังจำกัดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น นอกจากนี้ คาแรคเตอร์ของกลุ่มอุตสาหกรรมภายในดัชนี SET ก็เป็นกลุ่ม Old Economy อย่างกลุ่มการเงินการธนาคาร และกลุ่มพลังงาน ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่ม Loser ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19

ข่าวล่าสุด

กรมโยธาฯ เปิดตัว "DPT Town Square" รวม 16 บริการรัฐในที่เดียว!