Private Asset Management
คอลัมน์ Survivor in Capitalis โดย...กระทรวง จารุศิระ ประธานกรรมการกลุ่ม Supertrader Holding
เราคงเคยได้ยินคำว่า การบริหารจัดการทรัพย์สิน (Asset Management) ในเอกสารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมต่างๆ หรือหนังสือชี้ชวนในการลงทุนในหน่วยลงทุนและหุ้นที่เสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering)
ซึ่งคนที่ไม่ค่อยเข้าใจศัพท์ทางการเงิน อาจคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัว ทำให้ไม่สนใจที่จะเข้าไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
ในความเป็นจริง เรื่อง Asset Management เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมาก และคนทุกคนไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร จะต้องเข้าใจเรื่องนี้เพื่อที่จะสามารถสำรวจสุขภาพทางการเงินของตนเองได้ และสามารถบริหารจัดการให้เหมาะสมกับตัวเองให้มากที่สุด
เรามักปล่อยเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงิน แต่ต้องอย่าลืมธรรมชาติของมนุษย์ที่ว่า ไม่มีใครรักเงินของเรา เท่าตัวของเราเอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคนที่จะต้องมีความรู้เรื่อง Private Asset Management
หลักการของ Private Asset Management ก็คือจะสามารถบริหารจัดการทรัพย์สินของเราอย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ภายใต้ทรัพยากรที่จำกัด ด้วยความเสี่ยงที่เรายอมรับได้
ในโลกปัจจุบันเรามีสินทรัพย์หลากหลายประเภทให้เลือกลงทุนได้แก่
1. อสังหาริมทรัพย์ แยกย่อยออกเป็น ที่ดินเปล่า ที่สำหรับการเกษตร ที่ดินสำหรับอุตสาหกรรม ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย ที่ดินเพื่อการพาณิชย์ คอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว หอพัก อพาร์ตเมนต์ โรงแรม โรงงาน คลังสินค้า อาคารสำนักงาน
ผลตอบแทนของอสังหาริมทรัพย์คือ ค่าเช่า และกำไรส่วนต่างจากการซื้อมา-ขายไป
2. ตราสารหนี้ ได้แก่ พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วสัญญาใช้เงิน หุ้นกู้ภาคเอกชนแบบมีเกรด หุ้นกู้แปลงสภาพ หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ (Perputual Bond) หุ้นกู้แบบ Junk bond หรือแม้กระทั่งเงินให้กู้ยืมแก่บุคคลและกิจการ
ผลตอบแทนของตราสารหนี้คือ ดอกเบี้ย
3. ตราสารทุน ได้แก่ หุ้นบุริมสิทธิและหุ้นสามัญของบริษัทเอกชนบริษัทมหาชน
ผลตอบแทนของตราสารทุนคือ เงินปันผล และกำไรส่วนต่างจากการซื้อมา-ขายไป
4. กองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Reits - Infrastructures Fund)
ผลตอบแทนจากกองทุนคือเงินปันผล
5. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
ผลตอบแทนคือเงินคืนรายปี และเงินคืนปีสุดท้ายในวันที่ครบกำหนดอายุสัญญา
6. หน่วยลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม ทั้งกองทุนตราสารหนี้ กองทุนตราสารทุน กองทุนแบบผสม กองทุนพันธบัตรรัฐบาล กอบทุนทองคำ กองทุนน้ำมัน กอบทุนดัชนี
ผลตอบแทนคือเงินปันผล และกำไรส่วนต่างของ NAV. ของแต่ละกองทุน
7. ทองคำ ทั้งในส่วนที่เป็นทองคำแท่ง ทองคำรูปพรรณ และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า Gold Future
ผลตอบแทนคือกำไรส่วนต่างของราคาทอง
8. ตราสารอนุพันธ์ (Derivative) เป็นตราสารที่อ้างอิงกับราคาหุ้น ดัชนีตลาด หรือราคาของสินค้าล่วงหน้า
ผลตอบแทนคือกำไรส่วนต่างระหว่างราคาซื้อและราคาขาย
9. สินทรัพย์ประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของสะสมที่หายาก ไม่ว่าจะเป็น นาฬิกา กระเป๋า วัตถุโบราณ พระเครื่อง งานศิลปะประเภทต่างๆ รถยนต์โบราณ เป็นต้น
ผลตอบแทนคือราคาที่ซื้อมาและราคาที่ขายไป
ทรัพย์สินแต่ละประเภทมีผลตอบแทนและความเสี่ยงที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งการที่เราจะเลือกทรัพย์สินเข้ามาในพอร์ตโฟลิโอของเรา เราต้องเลือกจาก ช่วงอายุที่ยอมรับความเสี่ยงได้ ไลฟสไตล์ ความสนใจ ความถนัด ระยะเวลาในการติดตาม
สิ่งที่จะทำให้เรา Survivor ในยุคนี้ได้ ไม่ใช่แค่ทักษะในวิชาชีพ แต่ทุกคนจำเป็นต้องมีทักษะในเรื่องของ Asset Management โดยส่วนตัว เพื่อเป็นการการันตีว่า หากงานที่ทำอยู่มีการเปลี่ยนแปลง หากธุรกิจที่ทำอยู่ปรับตัวไปต่อไม่ได้ เราจะมีทางเลือกอะไรบ้างที่จะทำให้เราอยู่รอดได้และใช้ประโยชน์จากระบบทุนนิยมให้เต็มที่ที่สุด


