BCG โมเดล กับการปรับตัวของ SME เพื่อความยั่งยืน
คอลัมน์ จับทิศธุรกิจเอสเอ็มอี
ปัจจุบันการทำธุรกิจ นอกจากผลประกอบการณ์แล้ว มีการพูดถึงความยั่งยืนเรื่องความสุขภายในองค์กร การก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง BCGโมเดล เป็นรูปแบบการทำธุรกิจในยุคนี้ ซึ่งฟังดูอาจจะใหม่
แต่หากพูดถึงหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้วเชื่อว่าทุกคนคงคุ้นหูอยู่มาก แต่ในที่นี้จะแบ่งแยกย่อยๆ ออกมาอีก 3 คำคือ
1. B Bio Economy คือระบบเศรษฐกิจชีวภาพ ใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติอย่างคุ้มค่า นำความรู้เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาพัฒนาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า
2. C Circular Economy คือระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่คำนึงถึงการใช้ประโยชน์จากสิ่งต่างๆ ที่มีให้คุ้มค่าที่สุด และสามารถหมุนเวียนกลับมาใช้เพื่อลดต้นทุนลดของเสียจากภาคการผลิต หรือเป็นศูนย์ ( ZERO WASTE )
3. G Green Economy ระบบเศรษฐกิจสีเขียว เน้นความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยาการอย่างคุ้มค่า ลดการก่อก๊าซเรือนกระจก อันเป็นสาเหตุภาวะโลกร้อน
สำหรับธุรกิจ SME การใช้โมเดลนี้มีเกิดขึ้นบ้างแต่อาจจะยังไม่แพร่หลาย เนื่องจากการทำธุรกิจรูปแบบนี้ช่วงเริ่มต้น มีต้นทุนการบริหารจัดการค่อนข้างสูง หากการทำให้ได้มาตรฐานต้องมีการอ้างอิงงานวิจัย
หรือมาตรฐานต่างๆมารองรับ ซึ่งในระดับ SME ดูจะมีความยากลำบากในการลงทุนการเข้าหาแหล่งทุนก็มีส่วนสำคัญ
แต่ก็ยังเห็นว่ามีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่บ้าง เมื่อหลายหน่อยงานจากภาครัฐสนับสนุนทุนวิจัยเพื่อให้ SME ไทยสามารถเข้าถึงแหล่งทุน เช่น
1. สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)
2. สำนักงานกองทุนสนับสนุนงานวิจัย(สกว.)
3. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.)
เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสนับสนุนโครงการของ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) อีกทั้งยังมีโครงการ ทุนสนับสนุนจากภาคเอกชนต่างๆ อีกด้วย ทั้งนี้หากภาครัฐ และองค์กรภาคเอกชนใหญ่ๆ เห็นความสำคัญให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ก็เชื่อได้ว่า BCG โมเดลนี้สามารถเกิดขึ้นจริงได้แน่นอนใน SME