ผลลบจากมังกรติดหวัด
สัญญาณเศรษฐกิจในปีนี้ แสดงออกมาจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ดูเหมือนว่าจะเป็นปีที่เหนื่อยหนัก
เรื่อง ณ กาฬ เลาหะวิไลย
สัญญาณเศรษฐกิจในปีนี้ แสดงออกมาจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ดูเหมือนว่าจะเป็นปีที่เหนื่อยหนัก
ล่าสุดพญามังกรอย่างจีน ก็วาดภาพให้เห็นถึงความถดถอยที่จะเกิดขึ้น
เมื่อต้นสัปดาห์ นายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง แถลงรายงานปฏิบัติการของรัฐบาลประจำปี ระหว่างพิธีเปิดการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (National People’s Congress : NPC) ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง
ประเด็นสำคัญคือจีน ลดกรอบการเติบโตทางเศรษฐกิจลงมา จากเดิมที่เคยคาดว่าจะเติบโต 65% ก็ปรับเป็น 6-6.5%
เหตุที่มีการกำหนดเป้าขั้นต่ำก็เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งสงครามการค้ากับสหรัฐอเมริกา หนี้สินของจีน รวมถึงการอัดฉีดทุนให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการเอกชนของจีน
มาตรการที่จีนจะใช้สำหรับการดูแลเศรษฐกิจ มีทั้งนโยบายการคลัง และนโยบายการเงิน
สำหรับนโยบายการคลัง รัฐบาลจะอัดฉีดเงินงบประมาณเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ โดยใช้เงินกว่า 23 ล้านล้านหยวน หรือราวๆ 115 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 6.5%
ขณะที่ในแง่นโยบายการเงินจะผ่อนปรนในระดับที่เหมาะสม โดยรักษาเสถียรภาพของค่าเงินหยวนเอาไว้ แต่จะไม่ใช่การที่ผลักดันให้ธนาคารชาติของจีน เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจด้วยมาตรการทางการเงิน
นโยบายเศรษฐกิจมหภาคทั้งหมด จะนำไปสู่การให้ความสำคัญของการจ้างงาน เพราะการจ้างงานจะมีผลโดยตรงต่อการรักษาอัตราการเติบโต และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ในปีนี้จีนตั้งเป้าหมายการสร้างตำแหน่งงานใหม่ในเขตเมือง 11 ล้านตำแหน่ง โดยลดลงจากปีก่อนที่อยู่ระดับ 13.6 ล้านตำแหน่ง
เป้าอัตราว่างงานในเขตเมืองจะอยู่ที่ราว 5.5% เทียบกับ 5.1% ในปีที่แล้ว
ส่วนอัตราเงินเฟ้อกำหนดไว้ไม่เกิน 3% ระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา
ปัญหาเศรษฐกิจในปีนี้ จีนมองว่ามีความซับซ้อนยิ่งกว่าในอดีต โดยแรงกดดันจากปัจจัยต่างๆ จะปรากฏให้เห็นตั้งแต่ครึ่งแรกของปี
ทั้งหมดทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่า เศรษฐกิจของจีน อาจอยู่ในภาวะถดถอยลงกว่าเดิม เหมือนพญามังกรเริ่มติดหวัด และรัฐบาลจีนต้องใช้นโยบายการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มงบประมาณการลงทุนภาครัฐ
เมื่อเศรษฐกิจจีนอยู่ในภาวะดังกล่าว ก็ย่อมกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยด้วยเช่นกัน
อย่าลืมว่า จีนเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย เมื่อเศรษฐกิจจีนถอยหลัง การส่งออกของไทยก็จะมีปัญหา
นอกจากนั้น จีนยังเป็นตลาดส่งออก และเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 ของกลุ่มอาเซียน โดยผลของเศรษฐกิจจีนจะกระทบกับอาเซียน และส่งผลโดยอ้อมถึงไทยอีกเช่นกัน
ท่ามกลางปัจจัยทางเศรษฐกิจเช่นนี้ จึงจำเป็นต้องเตรียมหาทางในการป้องกัน เผชิญกับแรงกดดันที่กำลังก่อตัวและเห็นชัดขึ้นทุกขณะ
ใครจะมา ใครจะไป ก็เตรียมตัวกันให้ดี
สิ่งที่รออยู่ไม่ใช่คืนวันฝันหวานเอาเสียเลย