ทำไม...ไม่มีใครเชื่อ
การตรวจสอบสารพิษตกค้างในผักและผลไม้ ปรากฏว่ามีข้อโต้แย้งมากมาย
โดย..ณ กาฬ เลาหะวิไลย
น่าหนักใจเหลือเกิน จนน่าสงสัย ทำไมใครๆ ก็ไม่เชื่อ
เมื่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ กระทรวงสาธารณสุข แถลงผลการตรวจสอบสารพิษตกค้างในผักและผลไม้ ปรากฏว่ามีข้อโต้แย้งมากมาย
ร้อนถึง กฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรฯ ต้องสั่งการให้ผู้บริหารของกระทรวงเกษตรฯ ประสานงานกับผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันชี้แจงผลการศึกษาวิเคราะห์สารเคมีตกค้างในพืช ผัก ผลไม้อีกครั้ง
ประเด็นที่ทำการสะสางคือการเก็บตัวอย่างตรวจวิเคราะห์สารพิษตกค้างในผักและผลไม้ 7,054 ตัวอย่าง พบสารพิษตกค้างในระดับที่เกินมาตรฐาน 790 ตัวอย่างนั่นเอง
สิ่งที่จะอธิบายหลักๆ ก็คือการประเมินระดับสารพิษตกค้างที่พบ ความเสี่ยงอันตรายของผู้บริโภค รวมถึงมาตรการที่จะกำกับดูแล เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคผักและผลไม้
ว่าไปแล้วท้้งหมดเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นปัญหาความเชื่อมั่นที่ชาวบ้านมีต่อข้อมูลของภาครัฐ
หากวัดระดับความยอมรับของชาวบ้าน คงแบ่งเป็น 3 ระดับ
ระดับแรกคือ ความเชื่อ ที่จะเกิดขึ้นภายหลังจากการฟังข้อมูล แล้วนำมาคิดตัดสิน จนเกิดเป็นความเชื่อ
ระดับที่ 2 ขยับขึ้นมาอีกก็คือ ความเชื่อถือ โดยหากเชื่อถือกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร เมื่ออธิบายขึ้นมาก็จะได้รับการยอมรับ ชนิดที่ไม่ต้องคิดอะไรให้มาก
ส่วนระดับที่ 3 เป็น ความเชื่อมั่น โดยหากเชื่อมั่นแล้ว ใคร หรือองค์กรใด แค่เห็นหน้าก็แทบไม่ต้องอธิบายก็เชื่อมั่นเต็ม 100%
แต่ข้อมูลการตรวจสอบสารพิษผักและผลไม้ แสดงว่ายังไม่ผ่านด่านระดับแรก คือความเชื่อ เอาเลย
ประเด็นสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหา มาจากฝ่ายที่แสดงโต้แย้งผลการตรวจสอบ เป็นแพทย์จากโรงพยาบาลรัฐชั้นนำ ที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กว่า สิ่งที่หน่วยงานของรัฐไม่ได้บอกประชาชนจากคำแถลงผลสุ่มตรวจผักและผลไม้ในสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ ไม่ระบุว่าสารที่ตกค้างส่วนใหญ่ประมาณ 60% ล้างไม่ออก
นอกจากนั้นยังไม่บอกว่า ห้องปฏิบัติการที่ใช้ในการตรวจนั้นวิเคราะห์สารพิษกำจัดศัตรูพืชได้กี่ชนิด โดยข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาก็คือ สารเคมีกำจัดศัตรูพืชขึ้นทะเบียนประมาณ 280 ชนิด แต่ส่วนใหญ่การสุ่มตรวจทำได้เพียง 10% ของประเทศเท่านั้น
เท่ากับว่าสิ่งที่หน่วยงานรัฐแถลงต่อประชาชนเกี่ยวกับความปลอดภัยของผักและผลไม้เต็มไปด้วยมายาคติหลายชั้น
การอ้างว่าถึงจะมีสารตกค้างเกินมาตรฐาน แต่ก็ยังปลอดภัย จึงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
เขียนเท่านี้...ก็ตายแล้ว
อย่าลืม ปัญหาสารพิษตกค้างเกี่ยวพันกับชีวิตของชาวบ้านโดยตรง ซ้ำร้ายปัญหาสารพิษตกค้างยังไปพัวพันกับข้อมูลผลประโยชน์ในการค้าสารเคมีที่มีอันตราย จำเป็นต้องสร้างความเข้าใจในระดับความเชื่อมั่น เหมือนต้องปีนเขารวดเดียวให้ข้ามไป 3 ลูกในฉับพลัน
แต่ที่เป็นอยู่ แค่ทำท่าปีนลูกแรก ก็เป็นลมกลิ้งตกลงมาตีนเขาเสียแล้ว
ถึงได้บอกว่า มันน่าหนักใจจริงๆ


