posttoday

กรรมของหมูป่า

05 กรกฎาคม 2561

เหตุบังเอิญในโลกไม่มี...นี่คือคติธรรมทางพุทธ

โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย

เหตุบังเอิญในโลกไม่มี...นี่คือคติธรรมทางพุทธ

เรื่องที่สนใจไปทั้งโลก คือการที่ทีมหมูป่าติดอยู่ในถ้ำ การที่มีผู้ช่วยเหลือมากมาย ฯลฯ เหล่านี้ไม่ใช่เหตุบังเอิญ

แค่ทีมหมูป่ารวมถึงโค้ช 13 คน ติดอยู่ในถ้ำด้วยกัน ต้องมีเหตุ ปัจจัย เอาเฉพาะที่เป็นปัจจุบัน ก็เนื่องจากอยู่ในท้องถิ่นเดียวกัน รักกีฬาฟุตบอลเหมือนกัน เคยเข้าไปในถ้ำหลวงร่วมกันมาหลายครั้ง

และการพบกับทีมหมูป่าหลังติดในถ้ำก็ไม่ใช่เหตุบังเอิญ เป็นความพอดิบพอดีก็ว่าได้

นักดำน้ำชาวอังกฤษ จอห์น โวลันเธน ที่ไปพบคณะหมูป่าเป็นคนแรก กำลังทำหน้าที่ดำน้ำเอาเชือกไปปักตามแนวดินของถ้ำ เพื่อให้นักดำน้ำและหน่วยซีลอื่นๆ ดำตามกันมาไม่ให้พลัด ไม่ให้หลงกันไป

จังหวะนั้นเองเชือกที่นำมาก็สุดปลายพอดี ทำให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาผิวน้ำ

วินาทีนั้นมีดวงตา 13 คู่ มองมาพอดิบพอดี

ถ้าเชือกยาวหรือหากว่าสั้นกว่านี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือการกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่โถง 3 ไม่ได้มาพบกับทีมหมูป่า

ทุกสิ่งทุกอย่างจึงไม่มีคำว่าบังเอิญ

เพียงแต่ความจริง หรือเหตุ ปัจจัย ทำให้ทุกอย่างเป็นไป เหนือวิสัยที่มนุษย์ธรรมดาจะล่วงรู้ 

เลยกลายเป็นที่มาของตำนาน เรื่องราวต่างๆ ที่บ่งบอก บรรยาย เหตุที่ทำให้ทีมหมูป่า ไปติดในน้ำ ชนิดที่มีหลายเวอร์ชั่นมากมาย จนไม่รู้จะแยกแยะอย่างไรได้

แต่ที่เป็นรากฐานความคิดก็คือ ทุกสิ่งเกิดจากการกระทำ หรือกรรมทำให้มาประจวบเหมาะทั้งสิ้น

หนังสือ ชีวิตนี้น้อยนัก พระนิพนธ์ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ก่อน บรรยายถึงกรรมไว้อย่างน่าพิจารณาว่า เมื่อมีเหตุย่อมมีผล เมื่อทำเหตุย่อมได้รับผล ตรงตามเหตุเสมอ 

กรรมจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับชีวิตเกิด ดับ นับไม่ถ้วน กรรมที่ทำในชีวิตนี้ชาติเดียวจึงน้อยนัก เมื่อเปรียบเทียบกับที่ทำไว้แล้วในอดีตชาติ 

เปรียบเหมือนการเขียนหนังสือด้วยปากกาหรือดินสอลงบนกระดาษแผ่นเดียว เขียนลงครั้งแรกก็ย่อมอ่านออกง่าย อ่านเข้าใจได้ง่าย แต่ยิ่งเขียนทับเขียนซ้ำลงไปตัวหนังสือย่อมจะทับกันยิ่งขึ้นทุกที

การอ่านก็จะยิ่งอ่านยากขึ้นจนถึงอ่านไม่ออก จะเห็นแต่รอยหมึกหรือรอยดินสอทับกันไปทับกันมา

ฉันใด การทำกรรมหรือการทำดีทำชั่วก็ฉันนั้น ต่างทำกันมานับภพนับชาติไม่ถ้วน ทับถมกันมายิ่งกว่าตัวหนังสือที่อ่านไม่ออก หารู้ไม่ว่าได้เขียนอะไรก่อนเขียนอะไรหลัง ทำกรรมแบบใดไว้ก็ไม่รู้ ไม่เห็น แยกไม่ออก

ความซับซ้อนของกรรมแตกต่างกับความซับซ้อนของตัวหนังสือ อยู่ตรงที่ตัวหนังสือเขียนทับกันมากๆ ย่อมไม่มีทางรู้ 

แต่กรรมนั้น แม้ทำซับซ้อนมากเพียงไร ก็มีทางรู้ว่าทำกรรมดีไว้มากน้อยเพียงไร หรือกรรมไม่ดีไว้มากน้อยเพียงไร โดยมีผลที่ปรากฏขึ้นของกรรมนั้นเองเป็นเครื่องช่วยแสดงให้เห็น

นึกเทียบเคียงกับเรื่องทีมหมูป่า คงไม่ใช่สิ่งสำคัญถึงความเป็นมา ทำอะไรอย่างไร ถึงเป็นเช่นนั้น แล้วแต่จะศรัทธากัน

แต่เอาเป็นว่า เชื่อกรรม เชื่อผลแห่งกรรม รับรองไม่ขาดทุน