คู่มือจ้างแม่บ้านต่างด้าว
ใครมีแม่บ้านต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นลาว เขมร เมียนมาร์ เห็นทีต้องเอียงหูฟังไว้บ้างแล้ว
โดย..ณ กาฬ เลาหะวิไลย
ใครมีแม่บ้านต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นลาว เขมร เมียนมาร์ เห็นทีต้องเอียงหูฟังไว้บ้างแล้ว
เพราะกระทรวงแรงงานกำลังจัดทำ ร่างจรรยาบรรณในการจ้างลูกจ้างทำงานบ้าน โดยจะประกาศในเวลาอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
สาเหตุที่ต้องมีร่างจรรยาบรรณนี้เนื่องจากมีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากทำงานเป็นแม่บ้าน แต่ไม่ได้รับการคุ้มครองตามที่กฎกระทรวง
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงงาน จึงร่วมกับองค์กรต่างๆ จัดทำจรรยาบรรณในการจ้างลูกจ้างทำงานบ้าน เป็นแนวปฏิบัติตามหลักความสมัครใจ
สาระสำคัญของจรรยาบรรณได้กำหนดขอบเขตใช้กับงานบ้านที่หมายถึงงานที่ทำเพื่อครัวเรือน ไม่ว่าจะมีกี่ครัวเรือน เช่น ซักรีด ทำอาหาร ทำความสะอาด ดูแลบ้าน คน ทรัพย์สินและสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน โดยงานบ้านดังกล่าวต้องไม่มีการประกอบธุรกิจรวมอยู่ด้วย
เนื้อหาจรรยาบรรณครอบคลุม 6 เรื่องหลัก ประกอบด้วย
1.การทำสัญญามาตรฐาน เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันทั้งสองฝ่าย มีความชัดเจนในขอบเขตของงาน
2.การตั้งครรภ์ที่สามารถลาไปตรวจสุขภาพและลาคลอด
3.การส่งเสริมเรื่องสุขภาพความปลอดภัยในการทำงาน
4.การไม่เลือกปฏิบัติ การเคารพความเป็นส่วนตัว
5.การให้โอกาสในการพัฒนาทักษะอาชีพ และการศึกษา
และ 6.การห้ามจ้างเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี
นอกจากนี้ ยังมีข้อกำหนดด้วยว่าจะทำงาน 6 วัน/สัปดาห์ มีวันหยุดตามประเพณีไม่น้อยกว่า 13 วัน/ปี
ส่วนวันหยุดพักผ่อนประจำปี กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 6 วัน/ปี ทำงานวันหยุดต้องจ่ายค่าจ้างไม่น้อยกว่า 1 เท่าของค่าจ้างต่อชั่วโมงสำหรับลูกจ้างรายเดือน หรือไม่น้อยกว่า 2 เท่าของลูกจ้างรายวัน
ลูกจ้างจะลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริงโดยได้รับค่าจ้างไม่เกินปีละ 30 วันทำงาน โดยมีใบรับรองแพทย์กรณีที่ลาป่วยตั้งแต่ 3 วันขึ้นไป
นายจ้างบอกเลิกจ้างล่วงหน้าอย่างน้อย 1 งวดการจ่ายค่าจ้าง และลูกจ้างมีสิทธิได้รับใบผ่านงาน
หลายประเทศมีการจัดทำจรรยาบรรณของนายจ้างที่มีลูกจ้างทำงานที่บ้าน แต่ในประเทศไทย เป็นครั้งแรกที่ริเริ่มจัดทำฉบับร่างขึ้นมา เนื่องจากการจ้างงานทำงานที่บ้าน หรือจำนวนแม่บ้านที่จ้างแรงงานต่างด้าวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
แรงงานมักอาศัยอยู่รวมชายคาเดียวกับนายจ้าง ซึ่งจรรยาบรรณฉบับร่างนี้จะมีส่วนช่วยให้การทำงานในบ้านของลูกจ้างสามารถทำงานเกิดคุณค่าเป็นประโยชน์ร่วมกัน
ใครอ่านดูร่างจรรยาบรรณที่ออกมาแล้ว คงส่ายหัวเพราะไม่สอดคล้องกับสภาพการจ้างงานที่แท้จริง ที่บางครั้งนายจ้างก็เอาเปรียบ แต่ในทางตรงกันข้ามลูกจ้างก็เอาเปรียบ
แต่ยังดีที่ร่างจรรยาบรรณนี้จะปฏิบัติหรือไม่ก็ตามความสมัครใจ
ปล่อยทุกอย่างตามธรรมชาติ ให้พัฒนาตัวเองไปก็ดีแล้ว อย่าไปแข็งขืนทำอะไรเกินเลยไป
สุดท้ายมันก็รังแต่จะสร้างปัญหาและไปไม่รอ


