โลกที่เงินหาง่าย กับโลกที่เงินหายาก
โดย...ภาววิทย์ กลิ่นประทุ่ม ที่ปรึกษาการลงทุน บล.บัวหลวง
โดย...ภาววิทย์ กลิ่นประทุ่ม ที่ปรึกษาการลงทุน บล.บัวหลวง
ทำไมบางคนพูดว่าชีวิตเต็มไปด้วยโอกาส ยุคนี้หาเงินง่ายและทำได้ตลอดเวลา ในขณะที่บางคนพูดว่ายุคนี้หาเงินยาก โอกาสน้อยลงเรื่อยๆ คิดอะไรก็มีคนทำหมดแล้ว จะเริ่มอะไรก็ไม่มีเงิน
คุณเป็นคนแบบที่ 1 หรือ แบบที่ 2
ผมมีเพื่อนทั้งสองแบบทั้งแบบที่ 1 และแบบที่ 2 มันเหมือนคน 2 คนนี้อยู่ในโลกคนละใบกัน แต่ที่มันแปลกคือทั้งสองก็เป็นเพื่อนกัน แต่เขามีชีวิตต่างกันอย่างสิ้นเชิง
คุณอาจจะมองว่าอ้าวทำไม คนที่ 1 ที่ชีวิตมีแต่โอกาสไม่ยอมช่วยเพื่อนคนที่ 2 ที่ชีวิตมีแต่อุปสรรค ทำอะไรก็ติดขัดไม่สำเร็จ
ใช่!! มันแปลก เพราะแต่ก่อนผมก็คิดเหมือนคุณ
จนในที่สุดผมมาเข้าใจว่า จริงๆ แล้วในโลกนี้ไม่มีใครช่วยใครได้เลย ถ้าตัวเขาเองไม่เปลี่ยนวิธีคิด คุณลองนึกซิ ถ้าเพื่อนคนที่ 1 ชวนคนที่ 2 มาทำงาน เขาก็ทำงานด้วยกันไม่ได้ ยกตัวอย่าง
1.พอเกิดวิกฤต คนที่ 1 ก็จะเห็นแต่โอกาส เพราะเขามองที่โอกาส ในขณะที่คนที่ 2 จะเห็นแต่วิกฤต ก็เพราะเขามองหาแต่วิกฤต (คุยกันไม่รู้เรื่อง)
2.ถ้าเอาเงินให้คนที่ 2 เขาก็มักใช้เงินเพื่อสร้างปัญหาเพิ่ม เพราะโลกของเขาเต็มไปด้วยปัญหา เขารายล้อมตัวเขาไปด้วยคนที่มีนิสัยคล้ายๆ กัน คือ กลุ่มเมาส์แตก นินทาคนโน้นคนนี้ว่าไม่ดียังไง แย่อย่างไร ในขณะที่ตัวเองก็ไม่เคยคิดจะทำอะไรเลยนอกจากนินทา คนเหล่านี้ไม่เคยคิดลงทุน ไม่เคยคิดหาความรู้เพิ่ม เพราะมองไม่เห็นว่าอะไรจะมีอนาคต แน่นอนเขาใช้เงินเพื่อแก้เครียด ช็อปปิ้ง เพื่อระบายความทุกข์
3.เวลาที่คนอื่นได้ดีคนเหล่านี้ก็จะยิ่งน้อยเนื้อต่ำใจ ตัดพ้อว่าทำไมตัวเราไม่ได้เกิดมาเป็นลูกเศรษฐี แล้วก็ทำตัวประชดชีวิตตามแนวทางของเขาต่อไป
ใช่!! ที่เล่ามาคือเรื่องจริง แต่เพื่อนทั้งสองคนนี้ไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทกัน เป็นแค่เพื่อนที่เคยเรียนโรงเรียนเดียวกัน นั่นแปลว่าเด็กทั้งสองคนนี้เคยมีฐานะและชีวิตไม่ได้ต่างกัน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ด้วยวิธีคิดของแต่ละคนก็นำพาให้เขามีวิถีชีวิตที่ตัวเองเลือกมอง
คนที่ 1 ก็คบอยู่กับคนที่คิดเหมือนเขา คือมองทุกอย่างเป็นโอกาส ขนาดมีวิกฤตยังมองหาแต่โอกาสเลย มองหาความดีจากผู้คน แน่นอนคนทุกคนมีทั้งดีและไม่ดี แต่คนประเภทแรกเขาเลือกจะมองสิ่งดีของแต่ละคน แล้วเรียนรู้สิ่งดี ปรับใช้ เรียนรู้ไป
ในขณะที่คนที่สองก็ใช้ชีวิตอยู่ตามความคิดลบ เลือกมองสิ่งเลวในแต่ละคน และเลือกที่จะปิดตัว ไม่เรียนรู้
ที่เล่ามาผมไม่ได้จะบอกว่า สรุปแล้วเราต้องคิดแบบไหน เพียงแต่อยากจะบอกว่า คนเราล้วนเป็นไปอย่างที่เขาคิดและเลือกที่จะมองโลก
ถ้าทั้งชีวิตคุณเลือกที่จะมองหาสิ่งที่ดี มองหาทางแก้ปัญหา มองหาโอกาสในเวลาที่วิกฤต มองหาสิ่งที่ดี แล้วเรียนรู้จากผู้คน เก็บเกี่ยวความรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองแล้วปรับปรุงเปลี่ยนแปลง พัฒนาความคิดและความเข้าใจโลก คนที่คิดแบบนี้ก็จะมีสังคมที่แวดล้อมไปด้วยคนที่เหมือนๆ กัน สุดท้ายผลลัพธ์ของชีวิตก็จะค่อยๆ ปรากฏให้เห็นในแบบที่เราเลือกนั่นเอง
ภาพ เอเอฟพี


