ICode เพื่อความยั่งยืน
ปริย เตชะมวลไววิทย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายงานเลขาธิการและสื่อสารองค์กร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ปริย เตชะมวลไววิทย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายงานเลขาธิการและสื่อสารองค์กร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ในการส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนให้ความสำคัญในเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาลของกิจการ (environmental, social and governance : “ESG”) นั้น นอกจาก ก.ล.ต. เตรียมจะออก “หลักการบริหารกิจการที่ดี” (CG Code) เพื่อเป็นหลักปฏิบัติให้กับบริษัทจดทะเบียนแล้ว ก.ล.ต. ก็ได้เตรียมที่จะออก “หลักธรรมาภิบาลการลงทุน สำหรับผู้ลงทุนสถาบัน” (Investment Governance Code : “I Code”) เพื่อเป็นมาตรฐานของผู้ลงทุนสถาบันให้ลงทุนด้วยความรับผิดชอบต่อลูกค้าโดยคำนึงถึง ESG และติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิด
หากมองในระดับนานาชาติ ปัจจุบันผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกจำนวนมากต่างให้ความสำคัญกับ ESG และเข้าร่วมประกาศเจตนารมณ์ในการปฏิบัติตามหลักปฏิบัติในลักษณะดังกล่าว การมี I Code นี้ ก็จะช่วยเสริมสร้างความน่าเชื่อถือและทำให้ผู้ลงทุนสถาบันไทยสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล รวมทั้งยกระดับการมีบรรษัท
ภิบาลที่ดีของตลาดทุนไทยขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
การยกร่าง I Code นี้ มีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยกันให้ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะกันอย่างกว้างขวางไม่ว่าจะเป็น สมาคมบริษัทจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม และผู้ลงทุนสถาบันที่จัดการแทนเจ้าของทรัพย์สิน (asset owners) สำคัญของประเทศ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ สำนักงานประกันสังคม สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย สมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพโดยต่างก็เห็นด้วยกับการออก I Code ที่จะเป็นการแสดงพลังของผู้ลงทุนสถาบันที่ให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ผู้จัดการกองทุนที่มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส และสร้างการเจริญเติบโตที่ยั่งยืน เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้ลงทุน นอกจากนี้ I Code จะช่วยกำหนดหลักการและแนวปฏิบัติที่ชัดเจนขึ้นในการให้ความสำคัญกับจริยธรรมควบคู่ไปกับผลกำไรอีกด้วย ก็ขอขอบคุณทุกหน่วยงานอีกครั้งสำหรับพลังอันเข้มแข็งนี้
ร่าง I Code นี้ พัฒนามาจาก UK Stewardship Code ของสหราชอาณาจักร ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่หลายประเทศใช้อ้างอิง เช่น ญี่ปุ่น มาเลเซีย แอฟริกาใต้ เป็นต้น โดย I Code ประกอบด้วย หลักปฏิบัติ 7 ข้อ ได้แก่
(1) กำหนดนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุนที่ชัดเจน (2) มีการจัดการความขัดแย้งทางผลประโยชน์อย่างเพียงพอเพื่อประโยชน์ที่ดีที่สุดของลูกค้า (3) ตัดสินใจและติดตามบริษัทที่ลงทุนอย่างใกล้ชิดและทันเหตุการณ์ (actively) (4) เพิ่มระดับในการติดตามบริษัทที่ลงทุน เมื่อเห็นว่าการติดตามในหลักการ(3) ไม่เพียงพอ (escalating Investee companies) (5) เปิดเผยนโยบายการใช้สิทธิออกเสียงและผลการใช้สิทธิออกเสียง (6) ร่วมมือกับผู้ลงทุนอื่นตามความเหมาะสม (collective engagement) และ (7) เปิดเผยนโยบายธรรมาภิบาลการลงทุน และการปฏิบัติตามนโยบายต่อลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับการนำ I Code ไปใช้นั้น ก็จะเริ่มต้นจากการที่ผู้ลงทุนสถาบันแต่ละรายประกาศเจตนารมณ์รับที่จะปฏิบัติตาม I Code ด้วยความสมัครใจ (voluntary) เพื่อให้สาธารณชนทราบถึงความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตาม I Code หลังจากประกาศเจตนารมณ์แล้ว ผู้ลงทุนสถาบันสามารถนำหลักปฏิบัติใน I Code ไปปรับใช้ตามความเหมาะสมกับบริบทของตนเอง เช่น ขนาด โครงสร้าง ลักษณะธุรกิจ สภาพแวดล้อมและความพร้อมของแต่ละผู้ลงทุนสถาบัน โดยสามารถเลือกเรื่องที่เหมาะสมในการนำไปปฏิบัติโดยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติครบในทุกเรื่อง และขั้นตอนท้ายสุดก็คือ เปิดเผยข้อมูลโดยใช้หลัก comply or explain
เพื่อให้ผู้ลงทุนสถาบันได้มีเวลาเตรียมตัว ก.ล.ต. ก็คาดการณ์ไว้ว่าจะออก I Code และผู้ลงทุนสถาบันประกาศเจตนารมณ์ปฏิบัติตาม I Code ได้ในต้นปี 2560และเริ่มให้เปิดเผยข้อมูลการปฏิบัติตามI Code
ในปี 2561 โดยในระหว่างนี้ ก.ล.ต. ระหว่างรับฟังความคิดเห็นจากstakeholders ต่าง ๆ จนถึงวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ท่านที่สนใจสามารถศึกษาเอกสารรับฟังความคิดเห็น ซึ่งอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ของ I Code ได้ที่เว็บไซต์ของ ก.ล.ต.www.sec.or.th/hearing
ทุกความเห็นของท่านมีความหมายเพื่อร่วมกันพัฒนาตลาดทุนและเศรษฐกิจไทยให้ยั่งยืน และเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ขอเชิญแสดงความคิดเห็นเข้ามากันได้นะครับ ขอบคุณครับ
“ก.ล.ต. ดูแลตลาดทุน เพื่อให้คุณมั่นใจ”


