สำแดงธาตุแท้
ได้เห็นธาตุแท้กันเสียตั้งแต่ตอนนี้ ก็ถือว่าดีเหมือนกันนะครับ จะได้รู้เขารู้เรา รู้เจตนาความต้องการของผู้อ้างว่า “ช่างห่วงใยอนาคตบ้านเมืองเสียเหลือเกิน ???”
โดย...ขำ เคืองใจ [email protected]
ได้เห็นธาตุแท้กันเสียตั้งแต่ตอนนี้ ก็ถือว่าดีเหมือนกันนะครับ จะได้รู้เขารู้เรา รู้เจตนาความต้องการของผู้อ้างว่า “ช่างห่วงใยอนาคตบ้านเมืองเสียเหลือเกิน ???”
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2559 ปรากฏว่ามีกลุ่มอ้างตนจาก 43 องค์กร โดยมีนักวิชาการ ผู้เพียรพยายามจ้องรื้อกฎหมายป.วิอาญา มาตรา 112 จัดเสวนา “ประเทศหลัง 7 สิงหา”
บนเวทีมีผู้รู้และผู้อวดรู้ สลับกันชำแหละร่างรัฐธรรมนูญในมุมมองของตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งดูเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับเสียงเรียกร้องของกลุ่มคนเหล่านี้เช่นกันว่า ถูกปิดกั้นสิทธิเสรีภาพทางการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
ก่อนมีการแถลงตบท้ายพร้อมให้กองเชียร์ยืนแอ็กชั่นยกแขนกากบาททำท่าแปลงร่างเป็นไอ้มดแดง เพิ่มความมันส์สะใจในอารมณ์ ในยุคอ้างว่าถูกปิดกั้นสิทธิเสรีภาพนั่นแหละครับ
แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้ไว้ตรงนี้ และต้องช่วยกันคิดต่อ เห็นจะเป็นการแถลงดักคอ คสช.ว่า “หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ คสช.จะต้องรับผิดชอบด้วยการหยุดปฏิบัติหน้าที่ ออกจากกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่
และเปิดโอกาสให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อให้ประชาชนจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แทน พร้อมกับข่มขู่ด้วยว่า ถ้า คสช.ฝืนอยู่ต่อ อาจเกิดความรุนแรงขึ้นในอนาคต”
ความจริงข้อเรียกร้องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ เคยได้ยินจากเวทีลักษณะนี้มาหลายครั้งแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมา สื่ออาจไม่มีพื้นที่นำเสนอ อีกทั้งเมื่อใกล้ถึงวันลงประชามติ ขบวนการเหล่านี้ต้องรีบสร้างประเด็นข่าวในลักษณะย้ำคิดย้ำทำในท่าที ให้ฝังในสมองคนไทยก่อนตัดสินใจ นั่นเอง
ทว่า ข้อเรียกร้องของกลุ่มอ้างว่าเป็น 43 องค์กร โดยมีนักวิชาการผู้เคยแสดงความเห็นหมิ่นเหม่ท้าทายกฎหมายหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ดูคลับคล้ายคลับคลาข้อเสนอของพรรคการเมืองใหญ่ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
ใครก๊อบปี้ใคร ใครให้คำแนะนำกับใครกันไว้ หรือมีใจตรงกันโดยมิได้นัดหมาย ก็เอาตามที่จะคิดอ่านพิจารณาดูแล้วกัน
แต่น่าแปลกเหมือนกันครับ ความห่วงใยอนาคตประเทศหลังประชามติ กลับไม่มีใครสักตนในองค์กรอุปโลกเหล่านี้ สำเหนียกเลยว่า หากให้ คสช.หยุดปฏิบัติหน้าที่ แล้วจะเอาเทพยดาองค์ไหนมาดูแลบ้านเมืองในช่วงสุญญากาศ พร้อมจะยอมรับกันได้หรือไม่ จะตีกันอีกมั้ย
แม้แต่การให้นำรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งหรือรัฐธรรมนูญปี 2540 มาบังคับใช้ เพื่อดำเนินการเลือกตั้ง จากนั้นให้รัฐบาลจัดตั้ง ส.ส.ร.เหมือนในอดีต เพื่อจะได้รัฐธรรมนูญที่อ้างว่ามาจากประชาชนอย่างแท้จริง
ถามหน่อยเฮอะ ในช่วงที่รัฐบาลพลเรือนอัญเชิญคนโน้นคนนี้ร่วมกันเสนอทางออกให้บ้านเมือง ยังไม่มีใครหน้าไหนปรารถนาเข้าร่วม กระทั่งรัฐบาลทหารเข้ามาเป็นกรรมการกลางในวิกฤต เสนอให้นักวิชาเกิน พรรคการเมือง ร่วมกันยกร่างรัฐธรรมนูญก็ไม่มาอีก แต่กลับแหกปากอยู่ข้างนอกราวกับเด็กร้องขอของเล่น
บ้านนี้เมืองนี้ก็จะตกอยู่ในสภาพไม่ยอมรับอะไรกันเลย ประเทศไม่เดินหน้า ไม่ได้ปฏิรูปสักที
ฉะนั้น...อย่าเก่งแต่ปาก...ครับ


