posttoday

เจ้ามือในตลาดหุ้น

20 เมษายน 2559

โดย ภาววิทย์ กลิ่นประทุม ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน)

โดย ภาววิทย์ กลิ่นประทุม ที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน)

"กลไกของเจ้ามือในตลาดหุ้นคือแบบนี้นั่งเอง" ...ต้องเข้าใจอย่างแรกว่า "เจ้า" เป็นใครก็ได้จะเป็นฝรั่งเป็นกองทุนเป็นรายใหญ่หรือเป็นใครก็ได้ ...ไม่สำคัญ
..ที่สำคัญคือคนนั้นคือคนที่ซื้อหุ้นตัวนั้นๆมากที่สุดนั่นแหละผู้กำหนดการขึ้นลงของหุ้นแต่ละตัว

...เอ้ามาวิเคราะห์กัน

"คนที่กำหนดการขึ้นลงของตลาดหุ้นแบบแม่นยำที่สุดคือ Demand & Supply ของแรงซื้อและแรงขาย" ...วันนี้ถ้าสถิติการซื้อขายของผู้เล่นในตลาดทั้งหมดมาให้ดูกันจะเห็นดังนี้

ตลาดหุ้นไทยมีผู้เล่นหลักๆอยู่ 4 กลุ่ม -- 1.ฝรั่ง (ตอนนี้ขายมา 3 ปีติดยอดขายสะสมสูงกว่าปี 2008 วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์) 2.สถาบัน (สามปีที่ผ่านมาสวนฝรั่งตลอดคือซื้อสะสมสูงสุดเป็นคนพยุงตลาดนั่นเอง ..คำถามคือสถาบันเอาเงินมาจากไหน -- ก็เงินคุณและผมที่ซื้อกองทุนไง ...ฮ่าฮ่า) 3.ป๊อบเทรด (เงินจาก Broker เอามาเทรด) 4.รายย่อย (ในรายย่อยมีรายใหญ่แอบอยู่ด้วยเสี่ยเจ้าของเจ้า ..อยู่ในรายย่อยหมด)

ถามว่าใครมีน้ำหนักกำหนดทิศทางมากที่สุดต้องตอบว่าฝรั่งแม้เม็ดเงินที่ซื้อขายในตลาดรายย่อยจะมากที่สุดแต่ฝรั่งมีทิศทางชัดที่สุด(ซื้อก็ซื้อติดกันหลายปี - เวลาขายก็ขายติดกันหลายๆปี) ทำให้เขาสามารถกำหนดทิศทางตลาดในภาพใหญ่

คนที่มีน้ำหนักกำหนดทิศทางของตลาดรองจากฝรั่งก็คือสถาบันซึ่งช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยมา3 ปีแล้วแต่ตอนนี้เริ่มไม่ค่อยไหวเพราะสุดท้ายเงินมาจากรายย่อยไทยนี่แหละ
สิ่งที่ชี้ให้เห็นในเกมการเงินนี้คือ Money Game มันต้องหาจุดดีที่สุดในจุดที่ยืนของตัวเอง ...ยิ่งดูสถิติยิ่งชี้ให้เห็นว่าตลาดหุ้นทั่วโลกถูกฝรั่งปั่นให้ฟูแล้วก็ทิ้งให้พัง ...จากนั้นพอพังฝรั่งค่อยกลับมาเก็บถูกๆแล้วก็ปั่นให้ฟูใหม่ ...เป็นอย่างงี้เป็นรอบๆไปเรื่อยๆ

(เวลาฝรั่งออกค่าเงินบาทจะอ่อนตาม ..เพราะเวลาเขาออกเขาขายต่อเนื่องหลายปี ..ส่วนเวลาเข้าค่าเงินก็จะแข็งด้วยเพราะเขาเข้าต่อเนื่องเช่นกัน ..ทำให้ทุกครั้งที่ฝรั่งเข้าซื้อเขาได้ 2 เด้งคือหนึ่งซื้อหุ้นถูกและสองได้กำไรค่าเงิน ...โคตรได้เปรียบเลยเพราะเขาเล่นเกมนี้ในภาพใหญ่)

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือหุ้นที่ซื้อและวิธีการซื้อ ...รายย่อยจริงๆเม็ดเงินมากที่สุด(60% ของเม็ดเงินทั้งหมด) แต่ไม่เคยกำหนดทิศทางตลาดเลยเพราะซื้อสะเปะสะปะไม่มีทิศทาง ..แต่วันใดก็ตามที่รายย่อยเริ่มจับทางตัวเองได้

ผมว่าวันนึงเราก็จะสามารถกำหนดทิศทางตลาดได้เช่นถ้ารายย่อยมีแนวทางของตัวเองสมมุติฝรั่งซื้อแต่หุ้นใหญ่เพราะเขาต้องการเข้าออกง่าย ..รายย่อยอาจซื้อหุ้นเล็ก(ไม่เล่นหุ้นที่ฝรั่งเล่น) เอาเติบโตและปันผลสม่ำเสมอแล้วเข้าออกยากสภาพคล่องน้อยฝรั่งไม่ซื้อก็แปลว่ารายย่อยสะสมหุ้นอินดี้ไม่ขึ้นกับฝรั่งแต่ขึ้นกับเราแทน ...กองทุนอาจเลือกกลุ่มที่เล็กกว่า(กลุ่มที่ฝรั่งไม่ซื้อเพราะขนาดเล็กไป) เน้นที่ปันผลและเก็บยาวมาก ...พูดง่ายๆนะ (ที่ฝรั่งเขากำหนดทิศทางเพราะเขาเป็นคนที่ซื้อขายมากที่สุดในหุ้นที่เขาซื้อ) แต่ถ้าแต่ละกลุ่มเป็นรายใหญ่ที่สุดของหุ้นตัวเองเรานั่นแหละคือผู้กำหนด Demand & Supply ของหุ้นตัวนั้นๆ

แล้วสุดท้ายตลาดก็จะมีประสิทธิภาพเพราะผลตอบแทนจริงๆคือการเทียบระหว่างเม็ดเงินที่ลงทุนเทียบปันผลที่ได้รับว่าคุ้มหรือไม่ ..ส่วนกำไรคือการซื้อตามรอบของอุตสาหกรรมซื้อตอนแย่ขายตอนดี

ที่เล่าให้ฟังเพราะตลาดหุ้นถูกลากขึ้นลงตาม Money Supply นั่นเอง !! ...นั่งดูเม็ดเงินของการซื้อขายพร้อมเทียบการขึ้นลงของตลาดก็เลยเอามาเล่าสู่กันฟังครับ

ข่าวล่าสุด

ขนส่ง เตือน! รถติดถุงลมนิรภัยทาคาตะ เสี่ยงอันตรายถึงชีวิต เช็ก-เปลี่ยนฟรี