ลือหึ่ง
เรื่องราวที่พูดต่อๆ กันมักมีมูลเหตุ เขาจึงมีสุภาษิตเตือนใจ "ไม่มีมูล หมาไม่ขี้" เหมือน "ข่าวลือ"
โดย...ขำเคืองใจ
เรื่องราวที่พูดต่อๆ กันมักมีมูลเหตุ เขาจึงมีสุภาษิตเตือนใจ "ไม่มีมูล หมาไม่ขี้" เหมือน "ข่าวลือ" บางเรื่อง หากถูกถ่ายทอดจากผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเมืองเห็นทีต้องเงี่ยหูตั้งใจฟังสักหน่อย
อย่างเมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ท่านอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีได้ไปปาฐกถาในหัวข้อ "สังคมเศรษฐกิจไทย ความท้าทายและการปฏิรูป"
ตอนหนึ่ง ท่านบอกว่า "ขณะนี้มีข่าวลือภายนอกมาก หวังว่าทหารคงได้ยินบ้าง แม้กระทั่งตัวผมเองซึ่งปกติไม่ชอบฟัง และไม่ชอบขยายต่อข่าวลือ ยังได้ยินมาว่ามีการพูดถึงการตกลงกันนอกรอบเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ จึงได้แต่หวังว่าข่าวลือที่ได้ยินมาจะไม่ใช่ แต่ถ้าเป็นจริง ใครที่ทำก็ต้องรับผิดชอบ"
คนพูดไม่ใช่แม่ค้าร้านตลาด แต่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองยังหยิบ "ข่าวลือ" มาให้ความสำคัญบนเวทีสาธารณะ ซึึ่งท่านเองออกตัวด้วยว่า ปกติไม่ชอบฟังและไม่ชอบขยายต่อข่าวลือ แต่การหยิบมาเล่าคงเหลืออดกระมัง จึงอยากบ่นดังๆ ยิ่งผู้เข้าร่วมงานล้วนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีวัยวุฒิ จะได้หูผึ่งไปพร้อมๆ กัน
ผมล่ะอดนึกถึงท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ เพราะกล่าวผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติ เนื้อหาคล้ายๆ ท่านอานันท์นี่แหละ กล่าวในท่วงทำนอง ได้ยินเขาเล่ามาเหมือนกัน มีคนอ้างชื่อ คสช.เรียกรับผลประโยชน์ ใครทราบเบาะแสต้องแจ้งมาบ้าง จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดบ้าง
รายการคืนความสุขเมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมาพูดอีกแล้ว แถมขยายเนื้อหาเด็ดเข้าไปอีก "ผมไม่พังเพราะเพื่อนหรือพี่ๆ น้องๆ อย่างแน่นอน ถ้าใครทุจริตต้องถูกดำเนินคดี"
ขำ เคืองใจ ...ขอปุจฉา เหตุใดช่วงนี้ถึงพูดข่าวลือเกี่ยวกับการทุจริิตบ่อยจัง แถมเริ่มลือไปถึงเพื่อน พี่ น้อง เหตุใดทุกครั้งที่สื่อตั้งคำถามขบวนการโกง ท่านประยุทธ์จะท่องคัมภีร์ตอบ "ไหนๆ หลักฐาน เอามา เอามา มีไหม มีไหม หลักฐานน่ะ"
น่าแปลก ที่ผู้นำรัฐบาลได้รับเชิญไปแสดงวิสัยทัศน์ปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นหลายต่อหลายเวที จะทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถ้าสำรวจกลไกรัฐจัดการคนโกงเป็นไปในลักษณะเชื่องช้า หรือไม่ก็จับได้ปลาซิวปลาสร้อย ครั้นสาวถึงนักการเมือง ตัวการใหญ่ เข้าเกียร์ถอยหลังทุกที
เดี๋ยวท่านประยุทธ์จะสวนกลับมาอีกว่า "ใจร้อนไปได้ รอหน่อยไม่ได้เหรอ"...แต่ที่ต้องกล่าวเช่นนี้เพราะพฤติกรรมของผู้มีอำนาจในบ้านเมืองแสดงให้เห็นศักยภาพจัดการคนโกงแบบเดิมๆ มานานแล้ว
ไม่ใกล้ไม่ไกล อย่างการจับกุมนายตำรวจระดับนายพลและคณะ ตั้งข้อหาการเรียกรับผลประโยชน์ เพิ่งมาเป็นข่าวใหญ่โต น่าสนใจตรงที่ก่อนหน้านี้ เคยเป็นข่าวลือหึ่งเหมือนที่เกิดขึ้นในทุกแวดวงนั่นแหละครับ เมื่อมีการจับกุมได้บรรยายพฤติกรรมกระทำผิดตั้งแต่ปี 2553 โน่น
ควรทบทวนนโยบายปราบทุจริตคอร์รัปชั่น แสดงถึงความจริงจังให้มากๆ ไม่ใช่เห็นว่าแค่ข่าวลือ ปล่อยให้โกงบ้านกินเมืองไปนานๆ ก่อน มูลค่าความเสียหายต่อสังคมชาติก็บานทะโร่
เดี๋ยวจะถูกลือได้นะครับ ว่ารัฐบาล คสช.ถนัดจัดการตามวาระ เฉพาะโอกาส เท่านั้น


