อย่าหูตึงนักเลย

โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย

รัฐบาลที่กำลังโหมงบประชานิยม เห็นทีจะต้องหันมาฟังเสียงเตือนเสียบ้าง

คำเตือนล่าสุดที่น่าฟัง มาจาก ศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรืออังค์ถัด ที่ปาฐกถาพิเศษเกี่ยวกับความท้าทายของไทยในโลกยุคใหม่ โดยถือว่าเป็นมุมมองจากบุคคลที่ทำงานระดับโลก มองจากภายนอกเข้ามา

ศุภชัย กล่าวว่า วิกฤตหนี้ในสหภาพยุโรปที่ยังไม่ยุติ จะกดดันให้เศรษฐกิจโลกปีนี้ชะลอตัวเหลือเพียง 2.5% เพราะปริมาณการค้าของโลกปีนี้อาจลดต่ำกว่า 4% จากปีก่อนที่โต 5%

ขณะที่เศรษฐกิจปีหน้าอาจแย่กว่าเดิม หรือเติบโตไม่ถึง 2.5% ด้วยซ้ำ เนื่องจากการลงทุนของโลกยังไม่ฟื้นตัวสู่ภาวะปกติ

ทั้งหมดเห็นได้ชัดจากระบบการเงินของสหรัฐ ที่ยังมีโครงสร้างอ่อนแอมากจากปัญหาการกระจายรายได้ที่ไม่เท่าเทียมกัน

ส่วนเศรษฐกิจในยุโรปหรือยูโรโซนอาจล่มสลายได้ถ้ายังไม่มีการปฏิรูปหนี้สินในกรีซอย่างจริงจัง ขณะนี้เงินของไอเอ็มเอฟไม่เหลือแล้ว

ปีนี้เศรษฐกิจในยูโรจะติดลบ 0.7% และปีหน้าคาดว่าจะติดลบเพิ่มเป็น 1-1.3%

ดังนั้นทิศทางเศรษฐกิจโลกปีหน้าขึ้นอยู่กับว่าจะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปได้มากน้อยแค่ไหน โดยต้องฝากความหวังให้เยอรมนีลงมาช่วยเหลือ

สำหรับเศรษฐกิจในสหรัฐก็มีปัญหา เพราะในปี 2556 มีการตัดงบประมาณ มีการขึ้นภาษี และที่สำคัญยังมีการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่มาตรการทางภาษีมากขึ้น ผลกระทบตามมาคือภาวะการค้าในโลกโดยรวม จะชะลอตัวลง

กลุ่มประเทศเอเชียจึงไม่ควรประมาท และดูยุโรปเป็นตัวอย่าง เพราะสถาบันการเงินใหญ่ๆ ในสหรัฐและยุโรปยังล่มได้ หากเอเชียประมาทก็อาจล่มสลายได้เหมือนกัน

ศุภชัยยังกล่าวเตือนถึงรัฐบาลด้วย ถึงนโยบายประชานิยม ต้องดูรายรับของประเทศ เพราะหากมีการใช้นโยบายประชานิยมมากขึ้นจะทำให้รายรับของประเทศห่างจากรายจ่ายมากขึ้น

แม้ปัจจุบันปัญหายังไม่เกิด แต่อนาคตหากเกิดการสะสมไปเรื่อยๆ อาจทำให้เกิดวิกฤตเหมือนกรีซ จึงจำเป็นต้องมีการปรับโครงสร้างภาษีบางตัว เช่น การเก็บภาษีทรัพย์สิน

ส่วนนโยบายจำนำข้าว ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพราะเป็นการเอาเงินภาษีส่วนรวมของประชาชนมาใช้ ทางที่ดีรัฐบาลควรจะหันมาดูแลในเรื่องของโครงสร้างการผลิตแทนด้านราคาดีกว่า

นี่แหละ คำเตือนที่น่าฟัง น่าเอาไปคิดพิจารณาอย่างยิ่ง

แต่ทำไมผู้ที่อำนาจบารมีกำลังเบ่งบาน มักจะหูตึงเกือบทุกคน