posttoday

คลังหลวงอีกแล้วหรือ

11 พฤษภาคม 2555

แปลกแต่จริง ทำไมบรรดาผู้มีอำนาจวาสนาในบ้านเมืองนี้ ถึงมองทุนสำรองของประเทศแล้ว น้ำลายไหลเกือบทุกทีไป

โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย

แปลกแต่จริง ทำไมบรรดาผู้มีอำนาจวาสนาในบ้านเมืองนี้ ถึงมองทุนสำรองของประเทศแล้ว น้ำลายไหลเกือบทุกทีไป

ทุนสำรองของประเทศ หรือที่เรียกภาษาชาวบ้านว่า คลังหลวง กลายเป็นขนมที่หลายรัฐบาลต้องการเอาไปใช้

แม้กระทั่งรัฐบาลชุดนี้ก็แสดงท่าทีขมีขมัน เอาจริงเอาจังอย่างเห็นได้ชัด

ไม่ว่าจะเป็นการส่ง ดร.วีรพงษ์ รามางกูร กุนซือใหญ่ของรัฐบาลด้านเศรษฐกิจ เข้าประกวดเป็นประธานธนาคารแห่งประเทศไทยก็ใช่ เพราะ ดร.วีรพงษ์ แสดงความเห็นไปทั่ว ต้องการนำทุนสำรองออกมาใช้ หรือแม้กระทั่งการที่ให้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษาวิธีการล้วงคลังหลวงออกมาใช้ นั่นก็ใช่อีก

ทั้งหมดแปลเป็นอื่นไม่ได้ นอกเสียจากจะแปรสภาพจากเอาอยู่เป็นเอาแน่

ความจริงแล้วการนำคลังหลวงไปใช้มีหลายมิติ หลายมุมมอง จะบอกไปทางซ้ายก็ได้ จะบอกไปทางขวาก็ดี สุดแล้วแต่จะอธิบายไปทิศทางไหน

แต่สิ่งสำคัญก็คือ ต้องคิดให้ดี จะเอาคลังหลวงไปใช้เพื่ออะไร

เพราะถ้าตอบไม่ได้จะเกิดปัญหา และเป็นปัญหาใหญ่

และการตอบให้ได้ ไม่ใช่แต่สักแต่ว่าตอบอย่างเดียว ทว่าจะต้องทำให้เกิดการยอมรับของคนทั้งประเทศ

เพราะคลังหลวงไม่ใช่สินทรัพย์ของรัฐบาล ไม่ใช่สินทรัพย์ของธนาคารชาติ แต่เป็นสินทรัพย์ของแผ่นดิน ประชาชนทั้งประเทศเป็นเจ้าของ

ยิ่งเฉพาะเมื่อ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน แห่งวัดป่าบ้านตาด จัดทำโครงการช่วยชาติโดยหลวงตาฯ ระดมศรัทธาจากประชาชนทั้งประเทศ นำทองคำและเงินดอลลาร์เข้าคลังหลวง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ทรัพย์ที่บริจาค เข้าไปรวมเป็นเนื้อเดียวกับคลังหลวง ก็ยิ่งทำให้การนำเงินคลังหลวงไปใช้ต้องคิดให้ดี

โครงการช่วยชาติฯ จึงเหมือนกับการที่หลวงตามหาบัวเอาน้ำมนต์ไปพรมทั่วคลังหลวง ป้องกันเอาไว้

การนำคลังหลวงไปใช้ มักจะมีการอ้างว่าไม่แตะทรัพย์จากโครงการช่วยชาติฯ โดยทำบัญชีแยกเอาไว้ต่างหาก ซึ่งเป็นแค่เล่ห์เหลี่ยมที่จะงาบงับ

ข้อเท็จจริงก็คือ ทรัพย์สินที่บริจาคทั้งหมดได้ปนไปกับเงินคลังหลวงหรือทุนสำรองแล้ว แม้จะมีตัวเลขทางบัญชี แต่จะไปแยกแยะทรัพย์สินที่บริจาคว่าอยู่หนตำบลไหนในคลังหลวงเป็นไม่มีทาง

หลวงตามหาบัว ท่านทำของท่านไว้ ท่านกันของท่านไว้ ด้วยเหตุที่รู้ว่ามีความพยายามจะเอาคลังหลวงไปใช้นั่นเอง

หลายคนพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงอีกว่า อย่างนั้นจะนำทรัพย์สินในคลังหลวงไปใช้ไม่ได้เลยหรือ

ความจริงแล้วคลังหลวงนำออกไปใช้ได้ แต่ต้องยามจำเป็น สิ้นหนทางอื่นแล้ว

เรียกได้ว่าใช้สินทรัพย์ในคลังหลวงแต่ละครั้งต้องน้ำตาไหล ไม่ใช่น้ำลายไหลไปเสียทุกที

และการนำทรัพย์ในคลังหลวงออกมามีวิธีไม่มาก อย่างแรกคือ การออกพันธบัตรรัฐบาลเข้าไปแลกเปลี่ยนกับสินทรัพย์ซึ่งหนุนหลังธนบัตร ซึ่งคงทำไม่ได้ง่าย เพราะมันก็คือการพิมพ์แบงก์เพิ่มขึ้น และจะสร้างผลกระทบตามมามากมาย

อีกวิธีต้องออกกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชกำหนด หรือพระราชบัญญัติ ดูดเอาเงินในคลังหลวง

ก็ต้องดูต่อไป จะมีหน้าไหนใจถึงพอที่จะทำอย่างที่ว่าหรือไม่

คำเตือนที่เขียนล่วงหน้าก็คือ น้ำท่วมยังอยู่ได้ ของแพงยังพอถูไถไปได้อยู่

แต่หากแตะคลังหลวงเมื่อใด

รับรอง... ถึงกาลวิบัติ ถึงขั้นบรรลัยแน่นอน

 

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ