posttoday

ก.ล.ต. ปรับแพ่งคดีอินไซด์เทรดหุ้น TFG 6 ราย รวมกว่า 1.12 พันล้านบาท

29 ธันวาคม 2568

ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้บริหารและผู้เกี่ยวข้องคดีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น TFG และ TFG-W1 รวม 6 ราย ซีอีโอพ้นตำแหน่ง ถูกตัดสิทธิกรรมการ 40 เดือน

KEY

POINTS

  • ก.ล.ต. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำผิด 6 ราย ซึ่งรวมถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TFG ในข้อหาใช้ข้อมูลภายในซื้อขายหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิ
  • มูลค่าการลงโทษทางแพ่งรวมทั้งสิ้นกว่า 1.12 พันล้านบาท โดยเป็นการกระทำความผิดในช่วงปี 2559 ที่ใช้ข้อมูลผลประกอบการเชิงบวกที่ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ
  • นอกเหนือจากค่าปรับ นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ต้องพ้นจากตำแหน่งและถูกห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 40 เดือน

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินการใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดจำนวน 6 ราย กรณีซื้อหุ้นบริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TFG) และใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (TFG-W1) โดยใช้ข้อมูลภายใน หรือสนับสนุนการซื้อขายหลักทรัพย์โดยอาศัยข้อมูลภายใน รวมเป็นเงินตามมาตรการลงโทษทางแพ่งทั้งสิ้น 1,125,195,148.13 บาท โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นผลจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ได้รับจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559

 

จากการตรวจสอบพบว่า ในช่วงเดือนมีนาคมถึงสิงหาคม 2559 ผู้กระทำความผิดทั้ง 6 ราย ได้แก่ นายวินัย เตียวสมบูรณ์กิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการของ TFG นายนัฐวุฒิ เตียวสมบูรณ์กิจ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 4 ราย ได้ซื้อหุ้น TFG และ TFG-W1 โดยอาศัยข้อมูลผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ปี 2559 ซึ่งเป็นข้อมูลภายในที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชนทั่วไป และเป็นข้อมูลเชิงบวกที่มีสาระสำคัญต่อราคาหลักทรัพย์ โดยบริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาสที่ 1 จำนวน 200.81 ล้านบาท และไตรมาสที่ 2 จำนวน 670.73 ล้านบาท

 

การกระทำความผิดเกิดขึ้นใน 2 ช่วงเวลา ได้แก่ ช่วงวันที่ 1 มีนาคมถึง 12 พฤษภาคม 2559 ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นโดยใช้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาสที่ 1 และช่วงวันที่ 25 พฤษภาคมถึง 10 สิงหาคม 2559 ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นและใบสำคัญแสดงสิทธิ TFG-W1 โดยใช้ข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลประกอบการไตรมาสที่ 2 โดยนายวินัยและนายนัฐวุฒิเป็นผู้ใช้ข้อมูลภายในโดยตรง ขณะที่บุคคลอื่นมีส่วนช่วยเหลือหรือสนับสนุนผ่านการใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของตน

 

ก.ล.ต. ระบุว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะกระทำความผิด และแม้กฎหมายจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในภายหลัง แต่ยังคงเปิดทางให้รัฐสามารถนำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับย้อนหลังได้ตามบทเฉพาะกาล โดยบทลงโทษประกอบด้วยการชำระค่าปรับทางแพ่งและการคืนผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิด

 

คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่งมีมติให้ลงโทษนายวินัยด้วยค่าปรับและการชดใช้ผลประโยชน์รวมเป็นเงิน 1,122,195,148.15 บาท ขณะที่นายนัฐวุฒิถูกปรับทางแพ่งจำนวน 1,000,000 บาท นายวุฒิพงศ์และนางสาวพนิดาถูกปรับรายละ 666,666.66 บาท ส่วนนางสาวกัญญารัตน์และนางสาววรนาถถูกปรับรายละ 333,333.33 บาท ทั้งนี้ หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว ก.ล.ต. จะเสนอให้อัยการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อให้ศาลกำหนดโทษในอัตราสูงสุดตามที่กฎหมายบัญญัติ

 

นอกจากนี้ การถูกลงโทษทางแพ่งในคดีดังกล่าวส่งผลให้นายวินัย ซึ่งดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจตามประกาศของ ก.ล.ต. ทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน และถูกกำหนดระยะเวลาห้ามดำรงตำแหน่งดังกล่าวรวม 40 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2568 โดยเงินค่าปรับและเงินชดใช้ผลประโยชน์จากการกระทำความผิดทั้งหมดจะถูกนำส่งเป็นรายได้แผ่นดินให้แก่กระทรวงการคลัง

ข่าวล่าสุด

ทรูเร่งกู้สัญญาณชายแดนไทยกัมพูชาดูแลการสื่อสารช่วงหยุดยิง