posttoday

หาดใหญ่สะเทือนเศรษฐกิจหมื่นล้าน! SET ถูกซ้ำแรงแต่ลุ้นรีบาวน์หากน้ำลด-กนง.ลดดอกเบี้ย

27 พฤศจิกายน 2568

น้ำท่วมหาดใหญ่ช่วงไฮซีซันฉุดความเสียหายกว่าหมื่นล้านบาท กดดันบรรยากาศลงทุนไทยสวนทางเพื่อนบ้าน แม้ Fund Flow ไหลออกแรงสุดในเอเชียใต้ บล.เอเซียพลัสคาดกระทบระยะสั้น ลุ้นสัญญาณน้ำลด บวกคลายปมดอกเบี้ยช่วยพยุงหุ้นไทยฟื้น

"หาดใหญ่" เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของภาคใต้ อันดับ 1 ของภาคใต้ หรือ อันดับ 14 ของประเทศ มีมูลค่า GDP ราว 2.51 แสนล้านบาท

หากสถานการณ์ยืดเยื้อ 1 เดือน คาดว่าจะเกิดความเสียหายราว 10,000 – 15,000 ล้านบาท ซึ่งหอการค้าฯ ประเมินความเสียหายเฉลี่ยวันละ 1.5 พันล้านบาท

ภาพ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดสงขลา

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วง HIGH SEASON ของการท่องเที่ยวภาคใต้ ซึ่งเป็นช่วงที่ควรจะโกยรายได้เข้าประเทศทำให้เสียโอกาสในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในงวดไตรมาส 4/68

ในมุมมองเปรียบเทียบ แม้มีโอกาสจะเสียหายหลักหมื่นล้าน แต่เมื่อเทียบกับน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ที่ WORLD BANK ประเมินไว้ถึง 1.44 ล้านล้านบาท ถือว่าสเกลความเสียหายครั้งนี้ยังจำกัดอยู่ในระดับภูมิภาค ไม่ใช่ระดับประเทศ

ภาพ songkhla / Google Maps

น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ถือเป็น "มหาอุทกภัย" รุนแรงที่สุด เริ่มตั้งแต่เดือน กรกฎาคม และหนักที่สุดในเดือน ตุลาคม และ พฤศจิกายน ก่อนจะเริ่มคลี่คลายลงในช่วงปลายปี

ในมุม SET INDEX น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 กดดันให้ SET INDEX ปรับตัวลงถึง -24% ภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน เนื่องจากน้ำท่วมพื้นที่อุตสาหกรรมหลักและกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของประเทศ ทั้งนี้เศรษฐกิจกรุงเทพฯใหญ่กว่าสงขลาถึง 25 เท่า

ภาพ efinancethai

ดังนั้น ฝ่ายวิจัย บล.เอเซียพลัส มองแรงกดดันต่อ SET INDEX ในรอบนี้ คาดว่าจะเป็นเพียงแรงกดดันช่วงสั้นๆเท่านั้น ไม่น่ารุนแรงถึงขั้นทำให้ตลาดพังทลายเหมือนปี 2554 เนื่องจากพื้นที่เศรษฐกิจหลักของประเทศ กทม. และ EEC ยังดำเนินการได้ปกติ

อย่างไรก็ตาม ในมุมของนักลงทุนคาดหวังให้ กนง.ช่วยลดดอกเบี้ยในการประชุม ธ.ค.68 หรือช่วงต้นปี 2568 เพื่อช่วยเหลือกลุ่ม SME และภาคครัวเรือนในพื้นที่ประสบภัย ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ยังเปราะบางอยู่

โดยสถิติย้อนหลังปี 2554-2555 เมื่อเกิดน้ำท่วมใหญ่ กนง. มีมติ ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 2 ครั้ง รวม 0.50% เพื่อลดต้นทุนทางการเงินให้ผู้ประกอบการและกระตุ้นการฟื้นตัว ดังนั้นหากเกิดขึ้นจริง จะเป็นสิ่งที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจไทยและสร้าง SENTIMENT เชิงบวกต่อตลาดหุ้นได้

SET ดวงตก หวังโชคร้ายจะผ่านไปเร็ว

นักลงทุนคาดหวัง FED มีโอกาสลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หนุนเงินไหลเข้า ตลาดหุ้น EMERGING โดย เดือน พ.ย. เป็น เดือนที่ FUND FLOW ไหลเข้าหุ้นอินโดฯ 808 ล้านเหรียญ และ ฟิลิปปินส์109 ล้านเหรียญ มากสุดในปีนี้ หนุนดัชนีขยับขึ้นได้ดีเด่น 5.14% (MTD) และ 1.3%(MTD) ตามลำดับ

ส่วนตลาดหุ้นไทยโชคร้าย มีประเด็นการเมืองน้ำท่วม เข้ามากดดันให้FUND FLOW ไหลออกมากสุดในเอเชียใต้ -322 ล้านเหรียญ กดดันดัชนีย่อตัวลง -3.7%

มีกลุ่มหุ้นที่ย่อตัวแรงกว่าตลาดในเดือนนี้ (MTD) คือ PETRO -19.2% CONS -13.6% PKG -11.4% FIN -9.2% COMM -7.2% TOURISM -6.1% ETRON -6.1% CONMAT -6.1% MEDIA -5.8% ENERG -5.0% INSUR -4.4% FOOD -4.1% SET -3.7%

แต่ยังมีกลุ่มหุ้นที่ขึ้นแรงกว่าตลาดในเดือนนี้ (MTD) คือ HELTH -3.5% AGRI -3.2% PROP -2.4% TRANS -0.1% ICT 0.3% AUTO 0.6% PF&REIT 0.7% BANK 1.6%

แม้ตลาดหุ้นไทยจะถูกกดดันหนักในช่วงนี้ แต่หากมีสัญญาณน้ำท่วมลดลง กนง. มีโอกาสช่วยลดดอกเบี้ย น่าจะหนุนให้ตลาดหุ้นรีบาวน์ขึ้นได้เร็ว ระยะสั้นแนะหลบความผันผวนกับหุ้นมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว HMPRO, BDMS, TRUE และสะสมหุ้นปันผลสูง SIRI, AP, ICHI, KBANK, KTB, ADVANC.

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ลีดส์ พบ ลิเวอร์พูล พรีเมียร์ลีก วันนี้ 6 ธ.ค.68