SET แกว่งขึ้นจำกัด 1,295-1,300 จุด รอติดตามเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ คืนนี้
SET แกว่งขึ้นจำกัด 1,295-1,300 จุด หากมีการยุบสภาเร็วจะกลับมาเป็นปัจจัยบวกในระยะสั้น ติดตามเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ คืนนี้ กลยุทธ์การลงทุน “Selective Buy” แนะนำ CPALL และ MINT
KEY
POINTS
- ตลาดหุ้นไทย (SET) มีแนวโน้มแกว่งตัวขึ้นในกรอบจำกัด โดยมีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,295-1,300 จุด
- นักลงทุนกำลังจับตาการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อ (PCE) ของสหรัฐฯ ในคืนนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อทิศทางการลงทุน
- ในทางเทคนิค ดัชนีมีแนวรับที่ไม่ควรหลุดลงมาอยู่ที่ 1,275 และ 1,260 จุด เพื่อรักษากรอบการฟื้นตัว
บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX) ประเมินว่า การแกว่งขึ้นของตลาดยังจำกัด/พักตัว แต่หากมีการยุบสภาเร็วจะกลับมาเป็นปัจจัยบวกในระยะสั้น ประเด็นการขึ้น VAT ในปี 2571 ถูกปฏิเสธและไม่กดดันตลาด ตัวเลข NFPs สหรัฐฯ ดีกว่าคาด แต่อัตราการว่างงานกลับสูงขึ้น ตลาดประเมินมีความเป็นไปได้ที่จะลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น หุ้นสหรัฐฯ ตอบสนองเชิงบวกสั้นก่อนกลับมาลง ติดตามเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ทางเทคนิค หากยังไม่สามารถยืนเหนือ 1295/1300 ยังเป็นเพียงรีบาวด์ แนวรับไม่ควรหลุดอยู่ที่ 1275/1260
ทั้งนี้ ช่วงสั้นมอง SET มีโอกาสพักตัวหรือแกว่งตัวลง หลังตลาดเริ่มขาดปัจจัยบวกใหม่ โดยทางเทคนิคหลังดัชนีหลุดต่ำกว่าแนวรับสำคัญ 1285 ทำให้มี โอกาสแกร่งลงไปที่บริเวณ 1265/1240
ส่วนปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งอาจกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนในระยะสัน แม้คาดจะมีผลกระทบจำกัดต่อผลประกอบการ บจ. ไทยโดยรวม
ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ FOMC Minutes, ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญทั้งภาคแรงงาน NFPS และภาคเงินเฟ้อ PCE CPI หากหน่วยงานราชการกลับมาเปิด
ดังนั้น กลยุทธ์ลงทุนแนะนำให้ "Selective Buv" ใน 3 ธีมหลัก และ 2 ธีมเทรดดิ้ง ดังนี้
1. หุ้น Defensive ซึ่งผลการดำเนินงานสามารถต้านทานความผันผวนภายนอก โดยเราคาดไตรมาส 4/2568 กำไรยังเติบโตดี YoY และแนะนำ Outperform จากแนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ ADVANC BDMS BCPG BEM BGRIM PTT
2. หุ้นปันผลคุณภาพดียิ่งมี SET ESG Ratings A-AAA เพื่อสร้างกระแสเงินสดให้แก่พอร์ตระยะสั้น โดยคาดจะมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2568 หลังหักเงินปันผลจ่ายระหว่างกาลแล้ว ซึ่งให้ Div. Yield เกิน 5% และเราแนะนำ Outperform ได้แก่ BAM KTB AP SIRI TOP BLA
3. หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเราคาด กนง. จะมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายปีนี้อีก 1 ครั้งในเดือน ธ.ค. และปีหน้า 2 ครั้งในช่วงครึ่งแรกปี 2569 อาทิ หุ้นที่จะมีต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีภาระหนี้สิน ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยลอยตัวสูง แนะนำ CENTEL GPSC TRUE และหุ้นที่จะมีต้นทุนการดำเนินการลดลง หรือกำลังซื้อผู้บริโภคดีขึ้น แนะนำ AP MTC รวมทั้ง หินกลุ่ม REITs แนะนำ DIF FTREIT LHHOTEL
4. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และต้องการเก็งกำไร แนะนำ 1) หุ้นที่คาดได้ประโยชน์จากรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ แนะนำกลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW) จากมาตรการเกี่ยวดีมีคืน, กลุ่มไฟแนนซ์ (BAM MTC) จากมาตรการพักหนี้และให้สินเชื่อรายย่อย 2) หุ้นที่คาดมีโอกาสได้ประโยชน์จากสถานการณ์น้ำท่วมขังเฉพาะจุด แนะนำ TASCO HMPRO GLOBAL ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงหุ้นที่อาจจะได้รับผลกระทบจิตวิทยา หากสถานการณ์ความตึงเครียดไทย-กัมพชาบานปลายรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่าง CBG SAV
สำหรับหุ้นแนะนำวันนี้ ได้แก่ CPALL คาดได้อานิสงส์นโยบายรัฐบาลกระตุ้นการบริโภค SSS ในไตรมาส 4/2568 ของ ธุรกิจ CVS ยังคงดีที่สุดในกลุ่ม ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/2568 คาดจะเติบโต YoY จากยอดขายและมาร์จิ้นธุรกิจ CVS ที่ดีขึ้นชดเชยส่วนแบ่งกำไรจาก CPAXT ที่ลดลง และ เติบโต QoQ จากปัจจัยฤดูกาล เป้าหมายระยะสั้น 45.00 บาท
MINT คาดได้อานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล และมองประเด็นความขัดแย้งระหว่างจีนและญี่ปุ่นจะหนุนการท่องเที่ยวประเทศอื่นรวมถึงไทยใน ระยะสั้นบริษัทตั้งเป้าหมายกำไรเติบโต 15-20% ต่อปี ในระยะ 3 ปีข้างหน้า และการ IPO ธุรกิจร้านอาหาร Minor Food ในปี 2569 เป้าหมายระยะสั้น 21.00 บาท


