เบียร์-วนนท์ ถือ WASH เปิดเทรดวันแรก ต่ำจอง 18.67% มูลค่าหายไป 4.34 ล้าน
หุ้น IPO ตัวที่ 14 ของปี 68 “WASH” เปิดเทรด mai วันแรก 6.10 บาท ลดลง 18.67% จากราคาไอพีโอ 7.50 บาท พบ “เบียร์-วนนท์ วรรณป้าน” Fulltime Trader ถือหุ้น 3.1 ล้านหุ้น มูลค่าหายไป 4.34 ล้านบาท
KEY
POINTS
- IPO ตัวที่ 14 ของปี 68 “WASH” เปิดเทรดวันแรก 6.10 บาท ลดลง 18.67% จากราคา IPO 7.50 บาท
- พบ “TLI” ถือหุ้นอันดับ 8 สัดส่วน 1.13% และ “เบียร์-วนนท์ วรรณป้าน” ถือหุ้นอันดับ 12 สัดส่วน 0.88% มูลค่าหายไป 5.60 ล้านบาท และ 4.34 ล้านบาท ตามลำดับ
- ย้อนผลตอบแทน IPO 13 ตัวแรกปี 68 พบว่า เหนือจอง 4 ตัว และต่ำจอง 9 ตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ WASH เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้ (3 พ.ย.2568) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ
โดยเปิดที่ราคา 6.10 บาท ปรับลดลง 1.40 บาท หรือคิดเป็นลดลง 18.67% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 7.50 บาท
ล่าสุด ปิดช่วงเช้า เวลา 12.30 น. ปรับลดลง 1.95 บาท หรือคิดเป็นลดลง 26.00% มาอยู่ที่ 5.55 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 648.70 ล้านบาท
ทั้งนี้ WASH เป็นหนึ่งในผู้นำด้านธุรกิจร้านสะดวกซักครบวงจร ให้บริการด้วยเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าแบบอุตสาหกรรมคุณภาพสูง โดยมีแอปพลิเคชัน "WashXpress" ของบริษัท เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการของลูกค้าและรองรับการชำระเงินแบบไร้เงินสด บริษัทดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซักของตนเองเป็นหลัก ภายใต้แบรนด์ "WashXpress" และมีการให้สิทธิในการประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ร้านสะดวกซักภายใต้แบรนด์เดียวกัน
WASH เสนอราคาขาย IPO ที่ 7.50 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 105,882,352 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 30.00% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด ประกอบด้วย
1. หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวน 52,941,176 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 15.00% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้
2. หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Holistic Impact จำนวน 52,941,176 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 15.00% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้
โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัทหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามกฎหมายและตามที่บริษัทกำหนดไว้
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้
1. เพื่อใช้ในการลงทุนเพื่อเพิ่มจำนวนสาขาร้านสะดวกซัก WashXpress รองรับการขยายธุรกิจของบริษัท จำนวน 270 ล้านบาท ในปี 2569-2570
2. เพื่อใช้ในการปรับปรุงและยกระดับ (Upgrade) ร้านสะดวกซัก WashXpress ของสาขาที่มีอยู่เดิม จำนวน 100 ล้านบาท ในปี 2569-2570
3. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน จำนวน 9.43 ล้านบาท ในปี 2569-2570
ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2565-2567 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 464.47 ล้านบาท 657.06 ล้านบาท และ 823.58 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 59.31 ล้านบาท 67.28 ล้านบาท และ 83.47 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 474.12 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 50.92 ล้านบาท
นายกวิน กลองกระโทก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ WASH เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกท่าน หัวใจของ WashXpress คือความตั้งใจที่จะเปลี่ยนการซักผ้าให้เป็นเรื่องง่าย เพื่อ “คืนเวลา” และส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ผู้คน
“เราไม่ได้ตั้งเป้าเป็นเพียงผู้นำตลาดเพียงอย่างเดียว แต่เราปรารถนาที่จะเป็นผู้ปฏิวัติวงการ ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมสะดวกซักของไทย โดยทั้งหมดนี้จะดำเนินไปบนหลักการของการสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนต่อทั้งธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และเราขอให้คำมั่นว่า WASH จะไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนา เพื่อสร้างความสำเร็จที่มั่นคงให้แก่ทุกฝ่าย” นายกวิน กล่าว
นายชิษณุพันธ์ ตั้งเฉลิมกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ WASH กล่าวว่า บริษัทวางแผนสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดผ่านการขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ศักยภาพ ผ่านกลยุทธ์การขยายสาขาแบบกลุ่ม (Cluster expansion) ด้วยการเปิดสาขาใหม่ 5-10 แห่ง ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน เพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Visibility) ในพื้นที่ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและลดต้นทุนการก่อสร้าง ครอบคลุมทั้งในพื้นที่ 21 จังหวัดที่บริษัทดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งยังมีศักยภาพในการเติบโตเพิ่มเติม และการรุกเข้าสู่ตลาดใหม่ที่ยังไม่มีการให้บริการ (Untapped Market) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือและภาคใต้ เพื่อให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ
บริษัทตั้งเป้าจะเปิดสาขาใหม่ที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง เพิ่มอีกอย่างน้อย 240 แห่ง ภายในสิ้นปี 2570 แบ่งออกเป็นสองระยะ คือ การเปิดสาขาใหม่จำนวน 80 แห่ง ภายในปี 2568 และตามด้วยการเปิดสาขาใหม่อีกไม่น้อยกว่า 160 แห่ง ในช่วงระหว่างปี 2569-2570 โดยมุ่งเน้นขยายสาขาในรูปแบบที่บริษัทเป็นเจ้าของและบริหารจัดการเอง (Company-Owned) โดยตั้งเป้าสาขาที่บริษัทเป็นเจ้าของและบริหารจัดการเองทะลุ 670 สาขา ภายในปี 2570 ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ สามารถควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการได้อย่างเต็มที่ สร้างความคล่องตัวในการบริหารจัดการ และที่สำคัญคือการสร้างรายได้แบบต่อเนื่อง (Recurring Income) ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการเติบโตอย่างยั่งยืน
นอกเหนือจากการเปิดสาขาใหม่ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการยกระดับสาขาเดิมเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มยอดขาย โดยได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 100 ล้านบาท สำหรับปี 2569-2570 เพื่อใช้ในการปรับปรุงและยกระดับ (Upgrade) ร้านสะดวกซัก WashXpress ที่มีอยู่เดิม รวมถึงการเพิ่มจำนวนเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าในสาขาที่มีผู้ใช้บริการหนาแน่น, การเพิ่มบริการใหม่ อาทิ ซักอบพับ รับรีด, การปรับปรุงและตกแต่งร้าน (Renovation) เพื่อเสริมภาพลักษณ์ที่ทันสมัย, การขยายพื้นที่จอดรถ, และการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม เช่น ที่นั่งพักคอย และเครื่องปรับอากาศ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดและอำนวยความสะดวกสูงสุดให้แก่ลูกค้า
ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบข้อมูลผู้ถือหุ้น พบว่า บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI ถือหุ้นอันดับ 8 จำนวน 4,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 1.13% และ นายวนนท์ วรรณป้าน (เบียร์) Fulltime Trader ถือหุ้นอันดับ 12 จำนวน 3,100,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 0.88%
จากราคาเปิดการซื้อขายของหุ้น WASH ที่ 6.10 บาท ทำให้มูลค่าการถือครองหุ้นของผู้ถือหุ้นดังกล่าวข้างต้นลดลง ดังนี้
TLI มูลค่าการถือครองหุ้นลดลงเหลือ 24.40 ล้านบาท หรือลดลง 5.60 ล้านบาท จากมูลค่า ณ ราคา IPO ที่ 30 ล้านบาท
นายวนนท์ วรรณป้าน มูลค่าการถือครองหุ้นลดลงเหลือ 18.91 ล้านบาท หรือลดลง 4.34 ล้านบาท จากมูลค่า ณ ราคา IPO ที่ 23.25 ล้านบาท
ย้อนกลับไปนับตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงปัจจุบัน (Year to Date : YTD) มีหุ้น IPO เข้าใหม่ จำนวน 14 บริษัท เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวน 10 บริษัท และจดทะเบียนใน SET จำนวน 4 บริษัท โดย WASH ถือเป็นหุ้น IPO ตัวที่ 14 ของปี 2568
ส่วนหุ้น IPO อีก 13 ตัว ประกอบด้วย
บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIS
- ราคา IPO 3.00 บาท
- เปิดการซื้อขายวันแรก (20 ม.ค.2568) 3.90 บาท เพิ่มขึ้น 30.00% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 3.60 บาท เพิ่มขึ้น 20.00% จากราคา IPO
- ปิดวันที่ 31 ต.ค.2568 อยู่ที่ 3.36 บาท เพิ่มขึ้น 12.00% จากราคา IPO
บริษัท มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ MOTHER
- ราคา IPO 1.40 บาท
- เปิดการซื้อขายวันแรก (11 ก.พ.2568) 2.16 บาท เพิ่มขึ้น 54.26% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 1.61 บาท เพิ่มขึ้น 15.00% จากราคา IPO
- ปิดวันที่ 31 ต.ค.2568 อยู่ที่ 1.29 บาท ลดลง 7.86% จากราคา IPO
บริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน) หรือ LTMH
- ราคา IPO 5.00 บาท
- เปิดการซื้อขายวัน (2 เม.ย.2568) 5.25 บาท เพิ่มขึ้น 5.00% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 1.00% จากราคา IPO
- ปิดวันที่ 31 ต.ค.2568 อยู่ที่ 4.72 บาท ลดลง 5.60% จากราคา IPO
บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA
- ราคา IPO 1.80 บาท
- เปิดการซื้อขายวันแรก (22 เม.ย.2568) 2.40 บาท เพิ่มขึ้น 33.33% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 2.46 บาท เพิ่มขึ้น 36.67% จากราคา IPO
- ปิดวันที่ 31 ต.ค.2568 อยู่ที่ 0.91 บาท ลดลง 49.44% จากราคา IPO
บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT
- ราคา IPO 6.80 บาท
- เปิดการซื้อขายวันแรก (11 มิ.ย.2568) 6.20 บาท ลดลง 8.82% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 5.20 บาท ลดลง 23.53% จากราคา IPO
- ปิดวันที่ 31 ต.ค.2568 อยู่ที่ 4.16 บาท ลดลง 38.82% จากราคา IPO
บริษัท โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ HANN
- ราคา IPO 0.70 บาท
- เปิดการซื้อขายวันแรก (14 ส.ค.2568) 0.90 บาท เพิ่มขึ้น 28.57% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 2.12 บาท เพิ่มขึ้น 202.86% จากราคา IPO
- ปิดวันที่ 31 ต.ค.2568 อยู่ที่ 1.03 บาท เพิ่มขึ้น 47.14% จากราคา IPO
บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SKIN
- ราคา IPO 1.20 บาท
- เปิดการซื้อขายวันแรก (24 ก.ย.2568) 3.10 บาท เพิ่มขึ้น 158.33% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 3.62 บาท เพิ่มขึ้น 201.67% จากราคา IPO
- ปิดวันที่ 31 ต.ค.2568 อยู่ที่ 1.61 บาท เพิ่มขึ้น 34.17% จากราคา IPO
บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) หรือ TURBO
- ราคา IPO 1.50 บาท
- เปิดการซื้อขายวันแรก (30 ก.ย.2568) 2.30 บาท เพิ่มขึ้น 53.33% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 1.89 บาท เพิ่มขึ้น 26.00% จากราคา IPO
- ปิดวันที่ 31 ต.ค.2568 อยู่ที่ 1.70 บาท เพิ่มขึ้น 13.33% จากราคา IPO
บริษัท 88(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ 88TH
- ราคา IPO 5.45 บาท
- เปิดการซื้อขายวันแรก (3 ต.ค.2568) 12.00 บาท เพิ่มขึ้น 120.18% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 8.20 บาท เพิ่มขึ้น 50.46% จากราคา IPO
- ปิดวันที่ 31 ต.ค.2568 อยู่ที่ 4.68 บาท ลดลง 14.13% จากราคา IPO
บริษัท ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ONSENS
- ราคา IPO 2.05 บาท
- เปิดการซื้อขายวันแรก (7 ต.ค.2568) 2.60 บาท เพิ่มขึ้น 26.83% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 2.04 บาท ลดลง 0.49% จากราคา IPO
- ปิดวันที่ 31 ต.ค.2568 อยู่ที่ 1.34 บาท ลดลง 34.63% จากราคา IPO
บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ ATLAS
- ราคา IPO 3.00 บาท
- เปิดการซื้อขายวันแรก (20 ต.ค.2568) 2.50 บาท ลดลง 16.67% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 2.22 บาท ลดลง 26.00% จากราคา IPO
- ปิดวันที่ 31 ต.ค.2568 อยู่ที่ 2.26 บาท ลดลง 24.67% จากราคา IPO
บริษัท อินดิจี จำกัด (มหาชน) หรือ IDG
- ราคา IPO 3.00 บาท
- เปิดการซื้อขายวันแรก (24 ต.ค.2568) 5.40 บาท เพิ่มขึ้น 80.00% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 3.78 บาท เพิ่มขึ้น 26.00% จากราคา IPO
- ปิดวันที่ 31 ต.ค.2568 อยู่ที่ 2.26 บาท ลดลง 24.67% จากราคา IPO
บริษัท แมสเทค ลิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTEC
- ราคา IPO 1.45 บาท
- เปิดการซื้อขายวันแรก (27 ต.ค.2568) 1.78 บาท เพิ่มขึ้น 22.76% จากราคา IPO
- ปิดการซื้อขายวันแรก 1.35 บาท ลดลง 6.90% จากราคา IPO
- ปิดวันที่ 31 ต.ค.2568 อยู่ที่ 1.18 บาท ลดลง 18.62% จากราคา IPO


