โหนกระแส "เจนนี่ฟีเวอร์" ไลฟ์ขายของสะเทือนตลาด หุ้น 'DOD-88TH' รับทรัพย์เป๋าตุง!
"เจนนี่ ไลฟ์ขายของดีมาก" จุดไฟเศรษฐกิจโซเชียล! ยอดขายถล่มทลายหลายร้อยล้าน สะเทือนทั้งวงการการตลาดและตลาดหุ้นไทย เมื่ออานิสงส์ยอดออเดอร์สินค้าพุ่งหนุนรายได้บริษัทผู้ผลิต DOD-88TH ควงคู่ทุบสถิติ
KEY
POINTS
- "เจนนี่ ไลฟ์ขายของดีมาก" จุดไฟเศรษฐกิจโซเชียล!
- ยอดขายถล่มทลายหลายร้อยล้าน
- สะเทือนวงการการตลาดและตลาดหุ้นไทย เมื่ออานิสงส์ยอดออเดอร์สินค้าพุ่งหนุนรายได้บริษัทผู้ผลิต DOD-88TH ควงคู่ทุบสถิติ
ในยุคที่งบโฆษณาไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จอีกต่อไป "เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น" กำลังพิสูจน์ว่า ‘ความจริงใจ’ อาจกลายเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจที่ทรงพลังที่สุดของยุคนี้
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่คำว่า "เจนนี่ไลฟ์ขายของดีมาก" จะกลายเป็นไวรัลเต็มโซเชียล แต่คือภาพสะท้อนของ "พลังใหม่ทางเศรษฐกิจ" ที่เกิดจากคนตัวเล็ก ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์สร้างอาณาจักรของตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งแบรนด์ใหญ่
หลายคนรู้จัก "เจนนี่" ในฐานะนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง แต่การลุกขึ้นมา ไลฟ์ขายของ ด้วยพลังเต็มร้อย พูดตรง ตอบไว มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือการเปลี่ยนภาพ "คนบันเทิง" ให้กลายเป็น "แม่ค้าพันล้านในอนาคต"
และนั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญของ เศรษฐกิจคอนเทนต์ไทย (Creator Economy) เพราะเจนนี่ไม่ได้ขายแค่สินค้า แต่ขาย "ความรู้สึก" และ "ความเชื่อใจ" ของผู้ติดตาม
ไลฟ์ขายของดีมาก = ตัวอย่างจริงของ Emotional Commerce
เบื้องหลังยอดขายหลักล้านในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ไม่ได้มาจากเทคนิคยิงโฆษณา แต่มาจาก "แรงจูงใจทางอารมณ์" (Emotional Trigger) ที่ผู้ชมรู้สึกว่า "อยากช่วย อยากซื้อ อยากเป็นส่วนหนึ่งของพลังนี้"
นี่คือจุดต่างของยุคใหม่ ที่ผู้บริโภคไม่ได้ต้องการข้อมูลเยอะ แต่ต้องการ ‘ความรู้สึกจริง’ จากคนขาย
และนั่นทำให้ "เจนนี่" กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของการตลาดยุคดิจิทัล ซึ่งแบรนด์ใหญ่ควรจับตาเรียนรู้มากกว่าจะมองข้าม ด้วยผู้บริโภคเชื่อใน "คนจริง" มากกว่า "สโลแกนบริษัท" ยุคนี้คือการตลาดแบบ Personality-driven Economy
การตอบโต้ไว สร้างความรู้สึก "มีชีวิต" มากกว่าการโพสต์สวยๆ และไลฟ์สดคือสนามจริงของ "ความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้า" ด้วยพลังของคอมมูนิตี้ คนไทยซื้อเพราะ "อยากร่วมวง" มากกว่าแค่ชอบสินค้า นี่คือ Community Commerce ที่กำลังมาแรงที่สุด
ในปีที่ผ่านมา มูลค่าตลาด Live Commerce ของไทย เติบโตเฉลี่ยกว่า 30-40% ต่อปี และมีแนวโน้มจะแซงหน้า "อีคอมเมิร์ซทั่วไป" ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า
"เจนนี่" จึงไม่ใช่แค่แม่ค้าดัง แต่เป็นภาพแทนของแรงขับเศรษฐกิจใหม่ของคนรุ่นโซเชียลที่ใช้มือถือเครื่องเดียว สร้างรายได้ สร้างแบรนด์ และสร้างอาชีพ
หุ้นโหนกระแสไลฟ์เดือด!
เรื่องนี้ หลายคนสนใจกระแสเจนนี่ เซเลบริตี้ที่เข้าร่วม และสินค้าที่นำมาขายในไลฟ์ แต่หากปรับโฟกัสลงไปให้ลึกถึงแหล่งผลิตสินค้าที่ขายดีเหล่านั้นจะพบว่า มีบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่เบื้องหลังการผลิตสินค้าออกมาตามออเดอร์ทั้งหลาย
ถามว่า...หุ้นตัวไหนจะได้ประโยชน์จากเรื่องนี้
บริษัทจดทะเบียนที่อยู่เบื้องหลังอาหารเสริม เครื่องสำอางค์แบรนด์ต่างๆที่เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้า เซลเลบดังๆที่คาดว่าน่าจะได้ประโยชน์จากปรากฎการณ์นี้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ดังนี้
- บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD ดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ตราสินค้าของลูกค้า
- บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP พัฒนา ผลิตและจําหน่ายยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เวชภัณฑ์ และแอลกอฮอล์ทำความสะอาด ภายใต้เครื่องหมายการค้าของ ลูกค้า และเครื่องหมายการค้าของบริษัท
- บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอาง
- บริษัท 88(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ 88TH ผลิตและจัดจำหน่าย กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะ กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ภายใต้แบรนด์ตนเอง
"ต่อลาภ ไชยเชาวน์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DOD ยอมรับว่าปรากฏการณ์กระแสไลฟ์สด "เจนนี่ฟีเวอร์" ในช่วงที่ผ่านมา หนุนให้ยอดผลิตออเดอร์ ทั้งผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ คอลลาเจน เฉพาะเดือนตุลาคม เติบโตเพิ่มขึ้น 20-30% เทียบกับเดือนก่อนหน้านี้
ผลจาก 3 อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ซึ่งผลิตออเดอร์สินค้ากับ DOD ได้เข้าร่วมไลฟ์สดกับเจนนี่ ส่งผลให้ยอดขายสินค้า ของอินฟลูเอนเซอร์ 2 ใน 3 ราย มียอดขายแตะระดับ 10 ล้านบาทอย่างรวดเร็ว ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้มีคำสั่งผลิตออเดอร์ซ้ำเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3-6 ล้านบาทต่อราย
และในเร็วๆ นี้ ยังมีอินฟลูเอนเซอร์ หรือ ผู้ประกอบการเจ้าของสินค้า ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าของ DOD อยู่ในลิสต์รายชื่อที่เตรียมทยอยไลฟ์สดกับเจนนี่อย่างต่อเนื่องส่งผลเชิงบวกต่อบริษัทหนุนรายได้ยอดการผลิตในไตรมาส 4/2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
"ปรากฏการณ์เจนนี่ ฟีเวอร์ ไลฟ์สดขายของ มีกลุ่มลูกค้าที่มาผลิตผลิตภัณฑ์กับ DOD เข้าร่วมกิจกรรม หลายราย และสามารถสร้างยอดขายจากการไลฟ์สดครั้งนี้ได้เป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มียอดคำสั่งซื้อเข้ามาสูงกว่าปกติ บางรายจากปกติมีคำสั่งการผลิตเฉลี่ย 20,000 กล่องต่อเดือน แต่จากไลฟ์สดในช่วงข้ามคืนสินค้าที่มีอยู่ในสต๊อกไม่เพียงพอต่อยอดสั่งซื้อจากการไลฟ์สด ทำให้ต้องสั่งผลิตออเดอร์ซ้ำจาก DOD เข้ามาเพิ่ม 3-4 เท่าตัว ซึ่งจากอานิสงส์ดังกล่าวหนุนให้ยอดคำสั่งผลิตเดือน ต.ค.สูงขึ้น"
"นพรัตน์ มาลัยวงค์" ผู้ก่อตั้งและกรรมการ บริษัท 88(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ 88TH หนึ่งในแบรนด์ที่ร่วมไลฟ์สดขายของร่วมกับเจนนี่ เพียง 20 นาทีสามารถสร้างยอดขายแตะระดับเกือบ 30 ล้านบาท
และช่วงระหว่างการไลฟ์สด บริษัทได้เปิดไลฟ์ Official ควบคู่ไปด้วย ส่งผลให้ 2 วันมียอดขายจากช่องทาง Official Account ประมาณ 2.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นการช่วยกระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์ให้เพิ่มสูงขึ้น โดยคำสั่งซื้อที่เข้ามาทั้งหมดบริษัทจะดำเนินการจัดส่งทั้งหมดภายใน 48 ชั่วโมง
นอกจากยอดขายสินค้าที่เพิ่มอย่างมีนัยสำคัญแล้ว ยังเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ของเดือนตุลาคม ที่มียอดขายเติบโตทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา (Record High)ส่งผลเชิงบวกต่อยอดขายโดยรวมในไตรมาส 4/2568 ที่จะสร้าง Record High ด้วยเช่นเดียวกัน
"จากยอดออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ กลุ่มบริษัทต้องขยายไลน์ผลิตกลุ่มเส้นผมและหนังศีรษะเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวจากปกติรองรับคำสั่งซื้อใหม่ที่จะเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์เพิ่มเพราะกำลังการผลิตเพียงพอ ทั้งนี้ 88TH มีโรงงานผลิตเอง ซึ่งดำเนินการภายใต้บริษัท ดีโอเค สกิน จำกัด ที่บริษัทถือหุ้น 99.99% ดังนั้นการที่แบรนด์ LYO มียอดขายเพิ่มขึ้นส่งผลให้ ดีโอเค สกิน มียอดผลิตเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน"
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า... กระแส "เจนนี่ไลฟ์ขายของดีมาก" ไม่ใช่แค่เรื่องความดังหรือยอดขาย แต่คือสัญญาณว่า "คนธรรมดา" ที่สื่อสารอย่างจริงใจสามารถสร้าง "อิทธิพลทางเศรษฐกิจ" ได้ไม่ต่างจากบริษัทใหญ่
นี่คือบทเรียนสำคัญของการตลาดยุคใหม่ ยุคที่ผู้บริโภคไม่ได้ซื้อเพราะแบรนด์ แต่ซื้อเพราะเชื่อใน ‘คน’ ที่อยู่หลังแบรนด์นั้น.


