posttoday

ส่องงบแบงก์ Q3/68 “TISCO” ประเดิมกำไร 1,730 ล้าน โต 1% จับตา KTB พุ่ง 50%

14 ตุลาคม 2568

เช็ก! งบแบงก์ไตรมาส 3/68 “TISCO” ประเดิมกำไรสุทธิ 1,730 ล้านบาท โต 1% ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น รองรับความเสี่ยงเศรษฐกิจ จับตา KTB ประกาศ 21 ต.ค.นี้ กำไรพุ่งกระฉูด 50% จากการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนในหุ้น THAI

KEY

POINTS

  • TISCO ประเดิมประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/68 เป็นธนาคารแรก มีกำไรสุทธิ 1,730 ล้านบาท เติบโต 1% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น รองรับความเสี่ยงเศรษฐกิจ
  • บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรี คาดการณ์ว่า KTB ประกาศงบ 21 ต.ค.นี้ จะมีกำไรเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มธนาคาร โดยอาจพุ่งสูงถึง 50% จากการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนในหุ้น THAI

ฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 เริ่มขึ้นแล้ว งบของกลุ่มแบงก์เริ่มเป็นกลุ่มแรก คาดว่าจะประกาศงบในช่วงวันที่ 14-21 ต.ค.2568

ล่าสุด วันนี้ (14 ต.ค.2568) บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ประกาศงบไตรมาส 3/2568 ประเดิมเป็นแบงก์แรก 

โดย TISCO มีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/2568 จำนวน 1,730.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 โดยรายได้รวมเติบโต 10.1% ประกอบด้วยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 1.3% จากต้นทุนเงินทุนที่ปรับลดลง สอดคล้องกับภาวะดอกเบี้ยขาลง 

รายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้น 16.9% จากการฟื้นตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัย เป็นไปตามปริมาณการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงรายได้ที่เกี่ยวกับสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานธุรกิจจัดการกองทุนขยายตัว 11.4% จากการออกกองทุนรวมใหม่ที่เพิ่มขึ้นในระหว่างไตรมาส 

นอกจากนี้ TISCO มีกำไรจากเงินลงทุนที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) เพิ่มขึ้นตามมูลค่าพอร์ตเงินลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ชะลอตัวลงตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ลดลง 

ในงวดนี้ TISCO ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.4% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย เพื่อรองรับความเสี่ยงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง ในขณะที่ยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 0.3%

เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2568 กำไรสุทธิของ TISCO เพิ่มขึ้น 5.3% จากรายได้รวมที่เติบโต 10.0% จากทุกธุรกิจ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 3.0% จากต้นทุนเงินทุนที่ปรับลดลง สอดคล้องกับภาวะดอกเบี้ยดอกเบี้ยขาลง รายได้ค่าธรรมเนียมกลับมาเติบโต ทั้งธุรกิจธนาคารพาณิชย์ โดยมีค่าธรรมเนียมธุรกิจนายหน้าประกันภัยขยายตัวต่อเนื่อง ตามปริมาณการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งภาวะตลาดทุนฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้ทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ และรายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานธุรกิจจัดการกองทุนเติบโตได้ดี

นอกจากนี้ TISCO รับรู้กำไรจากเงินลงทุนที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 4.4% และค่าใช้จ่ายสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความเสี่ยงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจรอบด้าน

ขณะที่ TISCO มีกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 จำนวน 5,017.12 ล้านบาท ลดลง 3.5% เมื่อเทียบกับงวด 9 เดือนแรกของปี 2567 สาเหตุมาจากการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.0% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย ตามแผนการตั้งสำรองกลับสู่ระดับปกติและรองรับความเสี่ยงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง 

ในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 0.8% จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวม 4 ครั้ง และการลดภาระดอกเบี้ยให้แก่ลูกหนี้กลุ่มเปราะบางในโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” 

ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยขยายตัว 9.4% จากรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้น 8.8% ตามการฟื้นตัวของธุรกิจนายหน้าประกันภัยและรายได้อื่นที่เกี่ยวกับสินเชื่อ รายได้ค่าธรรมเนียมพื้นฐานของธุรกิจจัดการกองทุนเพิ่มขึ้น 7.1% ตามสินทรัพย์ภายใต้การบริหารที่เติบโต 

อีกทั้งผลกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน (FVTPL) เพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 

อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์ชะลอตัว ตามมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์ที่หดตัว ทั้งนี้ ในภาวะที่เศรษฐกิจยังคงเปราะบาง บริษัทยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ มีค่าใช่จ่ายในการดำเนินงานลดลง 2.8%

ทั้งนี้ TISCO ยังคงดำเนินนโยบายการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังและรอบคอบ รวมถึงการช่วยเหลือลูกหนี้ตามแนวทางของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ส่งผลให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPLs) ปรับลดลงมาอยู่ที่ 2.31% โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) ที่ 171.2%

สินทรัพย์รวมของ TISCO ณ วันที่ 30 ก.ย.2568 มีจำนวน 282,224.84 ล้านบาท ลดลง 1.0% จากไตรมาสก่อน จากเงินให้สินเชื่อที่อ่อนตัวลง 2.2% มาอยู่ที่จำนวน 230,408.55 ล้านบาท ในขณะที่สินทรัพย์ทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนที่เพิ่มขึ้น 13.4% และเงินลงทุนสุทธิเพิ่มขึ้น 25.2%

ทั้งนี้ “โพสต์ทูเดย์” ได้หยิบยกบทวิเคราะห์ของ บล.กรุงศรี ซึ่งได้มีการประเมินถึงภาพรวมกำไรของทั้งกลุ่มธนาคาร และกำไรของแต่ละธนาคาร ในไรมาส 3/2568 

บล.กรุงศรี ประเมินว่า กลุ่มธนาคาร 7 แห่ง ที่ศึกษา ได้แก่  BBL, KBANK, KTB, SCB, TTB, KKP และ TISCO จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 58,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.0% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3.1% จากไตรมาสก่อน

ส่องงบแบงก์ Q3/68 “TISCO” ประเดิมกำไร 1,730 ล้าน โต 1% จับตา KTB พุ่ง 50%

กำไรไตรมาส 3/2568 ที่เพิ่มขึ้น เพราะรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) เพิ่มขึ้น 42% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสก่อน จากการการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน (FVTPL) ของ KTB จากหุ้น THAI 

ขณะที่ภาพรวมธุรกิจ 1) NIM ที่ 2.77% ลดลงจากไตรมาส 3/2567 ที่ 3.16% และไตรมาส 2/2568 ที่ 2.88% จากการปรับลดลงของ yield on loan จากดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลงในช่วงเดือน เม.ย. และ ส.ค.2568 การขยายสินเชื่อไปยังกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ และการลดภาระดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้ในโครงการ คุณสู้ เราช่วย 

2) สินเชื่อรวมลดลง 0.9% จากไตรมาส 3/2567 และลดลง 1.6% จากไตรมาส 2/2568 คิดเป็น ลดลง 2.4% YTD จากการลดลงของสินเชื่อทุกกลุ่ม ทั้งธุรกิจ ภาครัฐ SME และรายย่อย 

3) ค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาส 3/2567 และเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาส 2/2568 จากการตั้งสำรองพิเศษ (management overlay) และความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ลดลง NPL ratio ที่ 3.80% เพิ่มขึ้นจาก 3.73% ในไตรมาส 2/2568

โดยคาดธนาคารรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 เติบโตจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และไตรมาสก่อน คือ KTB ที่ 16,700 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 50% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 50% จากไตรมาสก่อน) และ TISCO ที่ 1,770 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน) แต่ตัวเลขกำไรสุทธิ ที่ประกาศออกมา อยู่ที่ 1,730 ล้านบาท ต่ำกว่าที่คาดไว้   

สำหรับธนาคารรายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาสก่อน คือ SCB ที่ 11,800 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 8% จากไตรมาสก่อน) และ KKP ที่ 1,350 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน, แต่ลดลง 4% จากไตรมาสก่อน) 

ส่วนธนาคารรายงานกำไรสุทธิลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และไตรมาสก่อน คือ BBL ที่ 10,500 ล้านบาท (ลดลง 16% y-จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และลดลง 11% จากไตรมาสก่อน), KBANK ที่ 11,100 ล้านบาท (ลดลง 7% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และลดลง 11% จากไตรมาสก่อน) และ TTB ที่ 4,800 ล้านบาท (ลดลง 8% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และลดลง 4% จากไตรมาสก่อน)

ภาพรวมกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารคาดกำไรสุทธิในปี 2568 ที่  210,401 ล้านบาท หดตัว 1.9% จากปีก่อน จากการลดลงของ NIM จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง คาดดอกเบี้ยนโยบายปี 2568 ลง 3 รอบ รอบละ 0.25% เหลือ 1.5% การขยายไปกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ และการลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ในโครงการ คุณสู้ เราช่วย

นอกจากนั้น สินเชื่อรวมคาดหดตัว 0.4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน จากธนาคารเน้นการปล่อยสินเชื่อไปยังกลุ่มที่มีคุณภาพ กลบการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน การเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียม-บริการจากการเจาะกลุ่มลูกค้า wealth และ Bancassurance การลดลงของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) จากการควบคุมค่าใช้จ่ายของธนาคาร และการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) จากธนาคารเร่งจัดการคุณภาพสินทรัพย์ตลอดปี 2567

สำหรับ NPL Ratio คาดอยู่ที่ 3.74% จากปี 2567 ที่ 3.56% จากไตรมาส 4/2567 มีการแปลงหนี้เป็นทุนของการบินไทย ความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ลดลง และส่วนหนึ่งมาจากโครงการช่วยเหลือลูกหนี้ ทำให้ลูกหนี้อยู่ในชั้น Stage 3 นานขึ้น 

อย่างไรก็ตาม NPL Ratio เป็นระดับที่ธนาคารยังสามารถควบคุมได้ จากความเพียงพอเรื่องการตั้งสำรองต่อพอร์ต Coverage Ratio ยังคงระดับใกล้เคียงกับในอดีตคาดประมาณ 181%

ดังนั้น คง KTB (BUY ราคาเป้าหมาย 28 บาท) และ SCB (BUY ราคาเป้าหมาย 145 บาท) เป็น Top Pick เพราะคาดธนาคารรักษาระดับเงินปันผล dividend yield 7-9% และเป็นธนาคารที่มีความเสี่ยงทางด้านคุณภาพสินทรัพย์น้อย รวมทั้งธนาคารมีการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2568 เทียบกับกลุ่มที่ -2% จากปีก่อน

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ฟูแล่ม พบ คริสตัล พาเลซ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 7 ธ.ค.68