SCC มีดีอะไร ? ทำไมเข้าเรดาร์หุ้นใหญ่น่าจับตาแห่งปี
SCC ไม่ได้มีดีแค่ปูน! รุกหนักปิโตรเคมี ไทย-เวียดนาม-อินโดฯ ดัน HVA กำไรหนากว่าสินค้าโภคภัณฑ์ล้นตลาด พร้อมโชว์นวัตกรรม I2P และ Chillox สู้ศึกโลกพลังงานแพง
KEY
POINTS
- SCC ไม่ได้มีดีแค่ปูน! รุกหนักปิโตรเคมี ไทย-เวียดนาม-อินโดฯ ดัน HVA กำไรหนากว่าสินค้าโภคภัณฑ์ล้นตลาด
- พร้อมโชว์นวัตกรรม I2P และ Chillox สู้ศึกโลกพลังงานแพง
ใครว่าสินค้าโภคภัณฑ์กำไรน้อย กดดันธุรกิจ ? SCC ตอกกลับด้วยการรุกตลาด "ปิโตรเคมี" ข้ามชาติ ทั้งไทย เวียดนาม อินโดฯ พร้อมยกระดับไปสู่สินค้ากลุ่ม HVA ที่มาร์จิ้นสูงกว่าทั่วไปหลายเท่า!
นางสาวนารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า "บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC" ลงทุนกลุ่มปิโตรเคมีใน 3 ประเทศ คือ ไทย, เวียดนาม และอินโดนีเซีย
ไทย : มีโรงงานผลิตปิโตรเคมี 2 แห่งคือ โรงงานระยองโอเลฟินส์ (ROC) และโรงงานมาบตาพุดโอเลฟินส์ (MOC) กำลังการผลิต 2.1 ล้านตัน จะผลิตสินค้ากลุ่ม PE, PP โรงงาน MOC เป็นโรงงานที่มีสินค้าหลากหลายกว่าโดยเฉพาะกลุ่ม HVA ซึ่งมี margin มากกว่าสินค้าทั่วไปราว 100 เหรียญต่อตัน
ขณะที่วัตถุดิบป้อนกระบวนการผลิต (Feedstock) จะมีทั้งนาฟทา, LPG และอีเทน ส่วนอีเทนนั้นจะใช้เพียง 3.5 แสนต่อต่อปี ปัจจุบัน SCC มีสัดส่วนผลิต HVA 60% ของกลุ่มเม็ดพลาสติกแล้ว
เวียดนาม : โรงงาน LSP กำลังการผลิต 1.4 ล้านตัน
อินโดนีเซีย : ลงทุนผ่าน CAP ในสัดส่วน 20%
โรงงานนวพลาสติกอุตสาหกรรม (NPI) ผลิตสินค้ากลุ่ม PVC และไวนิล : NPI เป็นบริษัทที่ผลิตสินค้ากลุ่ม PVC ที่มีแบบชิ้นเดียว และเป็นแบบสินนค้าสำเร็จรูปเพื่อขายให้กับกลุ่มประปา, เกษตร และไฟฟ้า โดยผลิตเพื่อขายในประเทศเป็นหลัก และจะมีการผลิตไวนิล
โดยลูกค้าหลักคือกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่ง NPI มีการนำเครื่องจักรแบบ Automation มาช่วยในการผลิตเพื่อลดปัญหาการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพ ปัจจุบัน Robot ตัวเพื่อรงอรับการผลิต บริษัทแห่งนี้มีสัดส่วนรายได้ราว 20% ของยอดขายของกลุ่ม SCC
ศูนย์ I2P ใช้พัฒนาสินค้ากลุ่ม HVA : เป็นศูนย์ที่ใช้พัฒนาสินค้ากลุ่ม HVA เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในการพัฒนาสินค้าทั้งในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ รถยนต์, การแพทย์ โดยเฉพาะล่าสุดได้พัฒนา Chillox (แบตเตอรี่เก็บความเย็น)
สำหรับกลุ่มรถขนส่งห้องเย็น, ห้องเย็น โดยเฉพาะกลุ่มห้องเย็นเพราะกลุ่มดังกล่าวมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโต 8.8% ต่อปี (ปี 2025-2030) โดยต้นทุนการดำเนินงาน 30-40% จะมาจากค่าไฟฟ้า
"การไปเยี่ยมธุรกิจของ SCC ครั้งนี้ ทำให้เห็นว่า SCC กำลังเน้นพัฒนาสินค้ากลุ่ม HVA เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงการเสนอแบบ service solution ให้กับลูกค้าซึ่งปัจจุบันเริ่มได้ลูกค้าภายนอกมากขึ้น"
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานไตรมาส 3/68 ฝ่ายวิจัยคาดอาจอ่อนลงจากไตรมาสก่อนหน้า (Q-Q) ตามส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่ลดลงตามราคานาฟทาที่เร่งตัวขึ้น ใครยังไม่มีอาจรอก่อน
ส่วนใครมีอยู่ในต้นทุนต่ำๆ คาดยังถือได้จากผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และคาดยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับลดกำลังการผลิตปิโตรของประเทศต่างๆ
อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยคำแนะนำ Non-rated หุ้น SCC โดย บลูมเบิร์ก คอนเซนซัส ให้ราคาเป้าหมาย 205.68 บาท


