posttoday

ธุรกิจครอบครัวครองตลาดหุ้นไทย 76% ระดมทุนทะลุ 4.8 แสนล้าน ดันเศรษฐกิจโต-จ้างงานพุ่ง

04 กันยายน 2568

ธุรกิจครอบครัวครองสัดส่วนสูงสุดในตลาดหุ้นไทยถึง 76% มูลค่ารวมกว่า 6.1 ล้านล้านบาท แม้ดัชนี SET ร่วงแต่ยังระดมทุนต่อเนื่องผ่าน IPO และตลาดรองกว่า 8 ปี ดันรายได้รวมแตะ 9 ล้านล้านบาท พร้อมบทบาทการจ้างงานกว่า 1.48 ล้านคนและจ่ายภาษีรัฐกว่าแสนล้านบาท สะท้อนศักยภาพธุรกิจครอบครัวไทยที่แข็งแกร่งและเติบโตยั่งยืน

KEY

POINTS

  • ธุรกิจครอบครัวครองสัดส่วนสูงสุดในตลาดหุ้นไทยถึง 76% มูลค่ารวมกว่า 6.1 ล้านล้านบาท
  • แม้ดัชนี SET ร่วงแต่ยังระดมทุนต่อเนื่องผ่าน IPO และตลาดรองกว่า 8 ปี ดันรายได้รวมแตะ 9 ล้านล้านบาท
  • พร้อมบทบาทการจ้างงานกว่า 1.48 ล้านคนและจ่ายภาษีรัฐกว่าแสนล้านบาท สะท้อนศักยภาพธุรกิจครอบครัวไทยที่แข็งแกร่งและเติบโตยั่งยืน

"สุมิตรา ตั้งสมวรพงษ์" ฝ่ายวิจัยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เผยการศึกษาฐานข้อมูลบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็น “ธุรกิจครอบครัว” (family business) จากบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (ตลาดหุ้นไทย) ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 จำนวน 850 บริษัท พบว่า 646 บริษัท จาก 850 บริษัท หรือ 76% ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยที่ทำการศึกษา จัดเป็น “ธุรกิจครอบครัว”

ซึ่งมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมคิดเป็น 50% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด 

บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวส่วนใหญ่พัฒนามาจากธุรกิจดั้งเดิมของตระกูลหรือเป็นธุรกิจจัดตั้งใหม่ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจและกระจายตัวอยู่ในทุกหมวดธุรกิจ

โดยเฉพาะหมวดอาหารและเครื่องดื่ม, พัฒนาอสังหาริมทรัพย์, พลังงานและสาธารณูปโภค, พาณิชย์, เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมวดการแพทย์, บริการรับเหมาก่อสร้าง และในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (กลุ่มบริการ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง) 

เมื่อพิจารณาสัดส่วนธุรกิจครอบครัวในแต่ละหมวดธุรกิจ พบว่า 12 หมวดธุรกิจมีสัดส่วนธุรกิจครอบครัวมากกว่า 80% ได้แก่ หมวดอาหารและเครื่องดื่ม หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หมวดพาณิชย์ หมวดการแพทย์ หมวดสื่อและสิ่งพิมพ์ หมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร หมวดวัสดุก่อสร้าง หมวดของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ หมวดบรรจุภัณฑ์ หมวดแฟชั่น หมวดธุรกิจการเกษตร และหมวดกระดาษและวัสดุสิ่งพิมพ์

ธุรกิจครอบครัวครองตลาดหุ้นไทย 76% ระดมทุนทะลุ 4.8 แสนล้าน ดันเศรษฐกิจโต-จ้างงานพุ่ง

เมื่อพิจารณาความยั่งยืนของกิจการ จากอายุกิจการนับตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบัน (ปี 2568) ของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวตามการศึกษานี้ พบว่า มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 36 ปี โดยบริษัทจดทะเบียนที่มีอายุนับตั้งแต่ก่อตั้งจนถึงปัจจุบันมีอายุกิจการยาวนานที่สุดนานถึง 149 ปี หรือประมาณ 3 เท่าของอายุของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

เมื่อพิจารณากิจการ ณ ปีที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นไทย พบว่า ธุรกิจครอบครัว ณ ปีที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีอายุเฉลี่ย 19 ปี แสดงว่าธุรกิจครอบครัวดำเนินการต่อเนื่องด้วยเงินทุนส่วนตัวและสินเชื่อก่อนเข้าตลาดทุนเพื่อขยายกิจการ บางบริษัทมีอายุมากเมื่อจดทะเบียน

เนื่องจาก 1) ประกอบธุรกิจก่อนการก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2518 หรือเมื่อ 50 ที่ผ่านมา

และ 2) ใช้เวลาปรับตัวให้เป็นไปตามเกณฑ์การจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยบริษัทที่มีอายุมากที่สุดมีอายุ 118 ปี ณ ปีที่จดทะเบียน

ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ยอาจต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา มีบริษัทจดทะเบียนปรับโครงสร้างองค์กร ควบรวมกิจการ หรือแลกหุ้นเป็นบริษัทใหม่ และมีการเพิกถอนออกจากตลาดหุ้น ส่งผลให้วันก่อตั้งและจดทะเบียนเป็นไปตามบริษัทใหม่ ทำให้อายุน้อยกว่าระยะเวลาดำเนินงานจริง

ธุรกิจครอบครัวครองตลาดหุ้นไทย 76% ระดมทุนทะลุ 4.8 แสนล้าน ดันเศรษฐกิจโต-จ้างงานพุ่ง

ณ สิ้นปี 2567 บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว 642 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 8.51 ล้านล้านบาท คิดเป็น 50.4% ของมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมทั้งตลาด(total market Capitalization)โดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดในช่วงปี 2561-2567 ของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวมีอัตราเติบโตเฉลี่ย(Compound Annual Growth Rate)ปีละ 2.55% 

โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 บริษัทจดทะเบียนที่เป็นธุรกิจครอบครัว 646 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม 6.1 ล้านล้านบาท ลดลง 28.3% จากสิ้นปี 2567 จากการลดลงของราคาหลักทรัพย์เป็นสำคัญ สังเกตได้จาก SET Index ที่ลดลง 22.2% และเมื่อเปรียบเทียบขนาดกับตลาดรวม ธุรกิจครอบครัวมีสัดส่วนเฉลี่ย 48.2%

264 บริษัทเข้าระดมทุน มูลค่ากว่า 483,190 ล้านบาท 

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2558 - 2567) มีบริษัทจดทะเบียนระดมทุนผ่านการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนครั้งแรก (Initial Public Offering: IPO) ในตลาดหุ้นไทยรวมทั้งหมด 315 บริษัท  โดย 264 บริษัท จากทั้งหมด 314 บริษัทเป็นธุรกิจครอบครัว คิดเป็น 84.1% ของบริษัทที่ระดมทุนผ่านกิจกรรม IPO ในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นธุรกิจครอบครัว หรือ กล่าวอีกทางหนึ่งได้ว่า มีความชัดเจนว่าธุรกิจครอบครัวอาศัยกลไกจากการระดมทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นแหล่งเงินทุนเพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตของกิจการ

เมื่อพิจารณามูลค่าการระดมทุนหรือ มูลค่า IPO  ในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่า บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวมีมูลค่าระดมทุนรวมสูงกว่า 483,190 ล้านบาท หรือคิดเป็น 77.1% ของมูลค่า IPO ทั้งหมด ซึ่งมีทิศทางเดียวกับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ณ วันซื้อขายวันแรกที่มีมูลค่ารวม 2.24 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 74.7% ของ Market Cap รวมของบริษัทที่ IPO ทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว

ข้อมูลการระดมทุนครั้งแรก ที่เกิดขึ้นในปี 2558 - มิถุนายน 2568 จำแนกตามจำนวนบริษัท มูลค่าระดมทุน และมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ณ สิ้นวันซื้อขายวันแรก

ธุรกิจครอบครัวครองตลาดหุ้นไทย 76% ระดมทุนทะลุ 4.8 แสนล้าน ดันเศรษฐกิจโต-จ้างงานพุ่ง

นอกจากนี้ยังพบว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2568 ธุรกิจครอบครัวเข้าระดมทุนผ่านกิจกรรม IPO 4 บริษัทจากทั้งหมด 5 บริษัทที่ทำ IPO หรือกล่าวได้ว่า 80.0% ของจำนวนบริษัทที่ระดมทุนผ่านกิจกรรม IPO ทั้งหมด ซึ่งมูลค่าระดมทุนรวม 730 ล้านบาท คิดเป็น 63.5% ของมูลค่า IPO ทั้งหมด 

ตลอดช่วงเวลาที่ทำการศึกษา คือ ในช่วงเดือนมกราคม-มิถุนายน 2568 มีธุรกิจครอบครัวเข้าระดมทุนผ่านกิจกรรม IPO รวม 268 บริษัท จากทั้งหมด 319 บริษัท คิดเป็น 84% ของจำนวนบริษัทที่ระดมทุนผ่านกิจกรรม IPO ทั้งหมด โดยมีมูลค่าระดมทุนรวมสูงกว่า 483,920 ล้านบาท คิดเป็น 77.1% ของมูลค่า IPO ทั้งหมด ซึ่งมีทิศทางเดียวกับมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap) ณ วันซื้อขายวันแรกที่มีมูลค่ารวม 2.25 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 74.7% ของ Market Cap รวมของบริษัทที่ IPO ทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าว

10 ปีระดมทุน 108 บริษัท รวมมูลค่า 351,131 ล้านบาท

นอกจากบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวจะระดมทุนผ่านกิจกรรม IPO แล้ว บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวที่เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นไทยในช่วงปี 2558-2567 มีการระดมทุนในตลาดหุ้นผ่านตลาดรอง (Secondary offering)

โดย 108 บริษัท (จากทั้งหมด 264 บริษัท) ระดมทุนในตลาดรอง 410 ครั้ง ด้วยมูลค่าระดมทุนรวม 351,131 ล้านบาท 

กำไรสุทธิพุ่งกว่า GDP ประเทศ

เมื่อพิจารณาศักยภาพของการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว จากรายได้รวมในช่วงปี 2560-2567 พบว่า รายได้รวมของบริษัทจดทะเบียนกลุ่มนี้มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีสูงถึง 8.25% โดยจากผลประกอบการล่าสุด ปี 2567 ของ 642 บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว มีรายได้รวมสูงถึง 9 ล้านล้านบาท คิดเป็น 48.28% ของรายได้รวมของบริษัทจดทะเบียนรวมทั้งตลาด หรือเติบโตเฉลี่ยต่อปี 49.37% ในช่วงปี 2560-2567

เมื่อพิจารณาการมีส่วนร่วม(contribution) ของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวในตลาดหุ้นไทยต่อเศรษฐกิจไทย พบว่า ในปี 2567 รายได้รวมของบริษัทจดทะเบียนจัดเป็นธุรกิจครอบครัวในตลาดหุ้นไทย คิดเป็น 48.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP)หรือเฉลี่ย 40.5% ในช่วงปี 2560-2567 อาจกล่าวได้ว่า ธุรกิจครอบครัวมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น ควรส่งเสริมสามารถระดมทุนเป็นวงกว้างเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน 

เมื่อพิจารณาการเติบโตของกำไรสุทธิและสินทรัพย์รวมของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่า สินทรัพย์รวมของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวเติบโตสูงมาก เฉลี่ยปีละ 9.63% สะท้อนว่า การระดมทุนในตลาดหุ้นไทยมีส่วนช่วยให้ธุรกิจครอบครัวสามารถจัดหาเงินทุนเพื่อขยายกิจการในระยะยาว ขณะที่อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิค่อนข้างต่ำเฉลี่ยปีละ 3.05% แต่สูงกว่าการเติบโตของ GDP ที่เติบโต (CAGR) เฉลี่ยปีละ 2.64% 

ธุรกิจครอบครัวมีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทย

ปี 2567 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวจำนวน 641 บริษัท จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลรวมสูงกว่า 126,035 ล้านบาท คิดเป็น 37.92% ของภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในตลาดหุ้นไทยที่จ่ายให้ภาครัฐในปี 2567  หรือ 16.35% ของภาษีเงินได้นิติบุคคลทั้งระบบที่กรมสรรพากรจัดเก็บในปี 2567

นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศผ่านการจ้างงาน โดยในปี 2567 บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัว จำนวน 642 บริษัท มีจำนวนพนักงานรวม 1.48 ล้านคน  เพิ่มขึ้น 1.8% จากปี 2566 ซึ่งจำนวนพนักงานของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวนี้ คิดเป็น 9.3% ของจำนวนพนักงานที่เป็นลูกจ้างภาคเอกชนทั้งหมดในปี 2567  

เมื่อพิจารณาการจ้างงานรายกลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า จำนวนพนักงานของบริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวมีสัดส่วนค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนพนักงานทั้งหมดในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น โดยเฉพาะในกลุ่มเกษตรและอาหาร กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มบริการ ที่มีการจ้างพนักงานในสัดส่วนที่มากกว่า 80% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ 

โดยสรุปอาจกล่าวได้ว่า บริษัทจดทะเบียนที่จัดเป็นธุรกิจครอบครัวใช้กลไกตลาดทุนเพื่อระดมทุนขยายกิจการ ทั้งผ่านกิจกรรม IPO และระดมทุนเพิ่มเติมในตลาดรอง และมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยในฐานะผู้จ่ายภาษีและผู้จ้างงาน ดังนั้น ภาครัฐควรสนับสนุนให้ธุรกิจครอบครัวสามารถแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต.

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68