รอสร้างฐาน! SET ย่อกรอบ 1,220-1,250 จุด เชียร์ BCPG ซดขายไฟอเมริกา
ตลาดหวังประธานเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยปลายสัปดาห์ ด้านหุ้นไทยอยู่ในช่วงสร้างฐานคาดย่อตัวในกรอบ 1,220-1,250 จุด รอจังหวะย่อสะสมหุ้นกำไรครึ่งหลังเด่น เชียร์ BCPG ขายไฟพุ่ง
KEY
POINTS
- ตลาดหวังประธานเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยปลายสัปดาห์
- หุ้นไทยอยู่ในช่วงสร้างฐานคาดย่อตัวในกรอบ 1,220-1,250 จุด
- รอจังหวะย่อสะสมหุ้นกำไรครึ่งหลังเด่น เชียร์ BCPG ขายไฟพุ่ง
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงรอคอยการกล่าวสุนทรพจน์ของนายเจอโรม โพเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการประชุม Jackson Hole ในวันศุกร์ที่ 22 ส.ค.นี้
ซึ่งตลาดมีความคาดหวังว่าโพเวล อาจจะส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยที่ชัดเจนขึ้นในช่วงถัดไป เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯในระยะสั้นค่อนข้างอ่อนแอกว่าที่คาด
โดยหากพิจารณาจาก FED Watch Tool ล่าสุดจะพบว่าตลาดให้โอกาสลดดอกเบี้ย US ในเดือน ก.ย. ที่ระดับ 85% และในเดือน ธ.ค. ที่ระดับ 77% ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีมีโอกาสที่ FED จะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง
อย่างไรก็ดีหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเริ่มมีแรงขาย จากนักลงทุนบางส่วนที่มีความกังวลต่อ Valuation ที่เริ่มตึงเกินไป ดังนั้นอาจเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ เนื่องจากเป็นกลุ่มสำคัญที่นำตลาดขึ้นมาในช่วงที่ผ่านมา
ส่วนปัจจัยในประเทศ ในช่วงโค้งสุดท้ายของเดือน ส.ค. อาจมีแรงกดดันเพิ่มจากประเด็นการเมือง ผสานกับกระแสเงินทุนที่อาจไหลออกช่วงสั้นจากการปรับพอร์ต MSCI
ดังนั้นคาด SET ยังอยู่ในช่วงการสร้างฐาน ประเมินแนวรับบริเวณ 1,220 / 1,200 จุด โดยรอจังหวะย่อ ตั้งรับหุ้นที่แนวโน้มกำไรในช่วงครึ่งหลังเด่น และมี Valuation อยู่ในระดับที่น่าสนใจ
คาด SET วันนี้ “ย่อตัว” ในกรอบ 1,220-1,250 จุด หุ้น US Tech เริ่มย่อ กดดัน sentiment ขณะที่ตลาดยังหวังโพเวลส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยปลายสัปดาห์ ส่วน SET ยังอยู่ช่วงสร้างฐาน เน้นกลยุทธ์รอจังหวะย่อ สะสมหุ้นที่แนวโน้มกำไรครึ่งหลังยังเด่น
วันนี้แนะทยอยสะสม “BCPG” ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 9 บาท คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงถัดไป มีทิศทางที่ดีขึ้นมาก จากการทยอยเริ่ม COD โครงการต่างๆ และคาดจะไม่มีการตั้งด้อยค่าในจำนวนมากอย่างช่วงไตรมาสที่ผ่านมา
ผสานรายได้จากการขายไฟในอเมริกาจะปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 3/68 เป็นต้นไป จากการปรับค่าความพร้อมจ่ายที่เร่งขึ้นแบบก้าวกระโดดตามความต้องการไฟฟ้าที่รองรับ datacenter ที่เพิ่มขึ้น


