ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนหน้า “ทรงตัว” หวังเงินไหลเข้า-เศรษฐกิจฟื้น
FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า (ต.ค.68) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” เศรษฐกิจในประเทศถดถอย-ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ฉุด หวังเงินทุนไหลเข้า-เศรษฐกิจในประเทศฟื้น หนุน
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนกรกฎาคม 2568 (สำรวจระหว่างวันที่ 21-31 กรกฎาคม 2568) พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ตุลาคม 2568) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ที่ระดับ 81.06
ผลสำรวจในเดือนกรกฎาคม 2568 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ปรับเพิ่ม 117.6% อยู่ที่ระดับ 138.46 อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” กลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับเพิ่ม 71.6% อยู่ที่ระดับ 87.01 อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ในขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ปรับเพิ่ม 172.2% อยู่ที่ระดับ 77.78 และนักลงทุนต่างประเทศ ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 66.67 อยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา”
ทั้งนี้ นักลงทุน มองว่า การไหลเข้าของเงินทุน เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการปรับตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก
ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ
ขณะเดียวกัน หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดการแพทย์ (HELTH) ส่วนหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (PROP)
ในช่วงครึ่งแรกของเดือนกรกฎาคม 2568 ตลาดทุนไทยได้รับผลกระทบหลักจากความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เพื่อตรวจสอบกรณีคลิปเสียงหลุดกับฮุน เซนของกัมพูชา ซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์ความขัดแย้งชายแดนกับกัมพูชา รวมถึงผลการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ รอบแรกเข้าสู่จุดตึงเครียดเมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันเก็บภาษีนำเข้าไทยในอัตรา 36% ในขณะที่ประเทศคู่แข่งในอาเซียนหลายรายสามารถเจรจาลดภาษีได้สำเร็จแล้ว
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปรับตัวดีขี้นในช่วงปลายเดือนจากการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชา และการเจรจาอัตราภาษีนำเข้าจากไทยจบที่ 19% ระดับเดียวกับภูมิภาค
โดย SET Index ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 ปิดที่ 1,242.35 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.02% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนกรกฎาคม 2568 อยู่ที่ 41,971 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 16,121 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี 2568 นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิรวม 62,569 ล้านบาท
ทางด้านปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ หลังสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้าในหลายประเทศ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศทั้งในตะวันออกกลาง และสถานการณ์กัมพูชา-ไทย
ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ผลการวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อความไม่แน่นอนของรัฐบาลหรือการยุบสภา ท่าทีของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ต่อการคงหรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 3/2568 ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/2568 และโอกาสในการเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยในดัชนี MSCI และ FTSE ที่จะประกาศในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสที่เงินทุนจะไหลเข้าหุ้นไทย


