posttoday

ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนหน้า “ทรงตัว” หวังเงินไหลเข้า-เศรษฐกิจฟื้น

06 สิงหาคม 2568

FETCO เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า (ต.ค.68) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” เศรษฐกิจในประเทศถดถอย-ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ฉุด หวังเงินทุนไหลเข้า-เศรษฐกิจในประเทศฟื้น หนุน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนกรกฎาคม 2568 (สำรวจระหว่างวันที่ 21-31 กรกฎาคม 2568)  พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ตุลาคม 2568) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ที่ระดับ 81.06 

ผลสำรวจในเดือนกรกฎาคม 2568 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบัน ปรับเพิ่ม 117.6% อยู่ที่ระดับ 138.46 อยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” กลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับเพิ่ม 71.6% อยู่ที่ระดับ 87.01 อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” ในขณะที่กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ปรับเพิ่ม 172.2% อยู่ที่ระดับ 77.78 และนักลงทุนต่างประเทศ ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 66.67 อยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา”

ทั้งนี้ นักลงทุน มองว่า การไหลเข้าของเงินทุน เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ และการปรับตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลก 

ในขณะที่ปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ รองลงมาคือสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ 

ขณะเดียวกัน หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดการแพทย์ (HELTH) ส่วนหมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (PROP)

ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนหน้า “ทรงตัว” หวังเงินไหลเข้า-เศรษฐกิจฟื้น

ในช่วงครึ่งแรกของเดือนกรกฎาคม 2568 ตลาดทุนไทยได้รับผลกระทบหลักจากความไม่แน่นอนทางการเมืองหลังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร เพื่อตรวจสอบกรณีคลิปเสียงหลุดกับฮุน เซนของกัมพูชา ซึ่งนำไปสู่เหตุการณ์ความขัดแย้งชายแดนกับกัมพูชา รวมถึงผลการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ รอบแรกเข้าสู่จุดตึงเครียดเมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยืนยันเก็บภาษีนำเข้าไทยในอัตรา 36% ในขณะที่ประเทศคู่แข่งในอาเซียนหลายรายสามารถเจรจาลดภาษีได้สำเร็จแล้ว 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปรับตัวดีขี้นในช่วงปลายเดือนจากการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทย-กัมพูชา และการเจรจาอัตราภาษีนำเข้าจากไทยจบที่ 19% ระดับเดียวกับภูมิภาค 

โดย SET Index ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 ปิดที่ 1,242.35 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 14.02% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนกรกฎาคม 2568 อยู่ที่ 41,971 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิ 16,121 ล้านบาท ตั้งแต่ต้นปี 2568 นักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิรวม 62,569 ล้านบาท 

ทางด้านปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ หลังสหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้าในหลายประเทศ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศทั้งในตะวันออกกลาง และสถานการณ์กัมพูชา-ไทย 

ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ผลการวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ซึ่งจะมีผลต่อความไม่แน่นอนของรัฐบาลหรือการยุบสภา ท่าทีของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ต่อการคงหรือปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 3/2568 ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/2568   และโอกาสในการเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทยในดัชนี MSCI และ FTSE ที่จะประกาศในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสที่เงินทุนจะไหลเข้าหุ้นไทย

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันอังคารที่ 16 ธ.ค. 68