เปิดมุมคิด "ดร.นิเวศน์-เสี่ยป๋อง" ผ่าเกมลงทุนหุ้นไทยยังไงให้รอด ?
ฟังชัดๆ! ดร.นิเวศน์-เสี่ยป๋อง ผ่าแนวโน้มหุ้นไทย ‘ไร้เสน่ห์’ เหตุเศรษฐกิจไม่โต การเมืองไม่นิ่ง เสนอลดศึกใน-นอก เปลี่ยนเป็นโอกาสทางการค้า ชี้โอกาสใหม่ตลาดเวียดนาม-หุ้นต่างประเทศผ่าน DR ขณะที่เทคนิคอลเตือนตลาดคล้ายยุคต้มยำกุ้ง!
KEY
POINTS
- ฟังชัดๆ! ดร.นิเวศน์-เสี่ยป๋อง ผ่าแนวโน้มหุ้นไทย ‘ไร้เสน่ห์’ เหตุเศรษฐกิจไม่โต การเมืองไม่นิ่ง เสนอลดศึกใน-นอก เปลี่ยนเป็นโอกาสทางการค้า
- ชี้โอกาสใหม่ตลาดเวียดนาม-หุ้นต่างประเทศผ่าน DR
- เทคนิคอลเตือนตลาดคล้ายยุคต้มยำกุ้ง!
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า เปิดมุมมองบนเวทีบรรยายหัวข้อ "แชร์ประสบการณ์ลงทุน เคล็ดลับการปั้นพอร์ต" โครงการพัฒนาศักยภาพผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจระดับสูง (พศส.) พ.ศ.2568 ปีที่ 19 เมื่อวันที่ 2 ส.ค.2568 ที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งปัญหาภายในประเทศ สงครามการค้า สถานการณ์ชายแดน ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นด้านการลงทุน
โดยเน้นย้ำความจําเป็นที่รัฐบาลต้องมีมาตรการที่ชัดเจนเพื่อฟื้นความเชื่อมั่น โดยเฉพาะความปลอดภัย การปราบปรามการโกง การคอร์รัปชัน และการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ ตราบใดที่ความเชื่อมั่นกลับมาจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวกลับมาได้ และเปิดโอกาสให้ภาคส่งออกฟื้นตัวจากแรงกดดันต่างประเทศ
พร้อมเสนอให้เปลี่ยนสนามรบทางการเมืองและความขัดแย้งให้กลายเป็นสนามการค้า เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ พร้อมเตือนว่าหากปัญหาการเมืองยังคงยึดเยื้อและขาดเสถียรภาพ ความพยายามในการฟื้นฟูเศรษฐกิจจะเป็นไปได้ยาก
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในต่างประเทศ คือ ตลาดหุ้นเวียดนามกําลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านสําคัญในตลาดทุน ซึ่งเรียกว่า "Immunity Stage" หรือจุดที่ประเทศเริ่มฟื้นตัวจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเมือง
เตรียมเปลี่ยนผ่านจากตลาดใช้เงิน ไปสู่ตลาดที่มีเสถียรภาพและแข็งแรง ซึ่งในอดีตประเทศที่เข้าสู่ระยะนี้มักจะสามารถดึงดูดเงินลงทุนจากต่างชาติได้จํานวนมาก และคาดว่าอีก 2-3 เดือนข้างหน้า เวียดนามอาจถูกจัดเข้าเป็นตลาดที่แข็งแกร่งหรือเข้าสู่ดัชนีสําคัญซึ่งจะส่งผลดีต่อหุ้นและการลงทุนโดยรวม
"ต้องยอมรับว่าหุ้นไทยไม่มีเสน่ห์ เข้าสู่ช่วงสูงวัย ไม่มีแรงงานรุ่นใหม่ๆ ไม่มีธุรกิจใหม่ๆที่จะทำให้เติบโตไปได้ ไม่สามารถดึงความสนใจใหม่ๆได้ แต่หากรัฐบาลสามารถสร้างความมั่นใจกลับคืนมาได้ ความหวังในการฟื้นเศรษฐกิจยังมีอยู่ หุ้นไทยอาจจะกลับมาน่าสนใจและอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูหากมีการดําเนินนโยบายที่เหมาะสม เพราะการลงทุนเดิมอาจสนใจแค่ตัวหุ้น แต่ตอนนี้ต้องมองสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเมืองด้วยเพราะถึงหุ้นดีแต่ประเทศไม่ดีก็ไปไม่รอด"
รอธุรกิจใหม่จุดพลุเสน่ห์!
"เสี่ยป๋อง - วัชระ แก้วสว่าง" นักลงทุนรายใหญ่ ยอมรับว่าหุ้นไทยไม่มีเสน่ห์ เพราะกติกาถูกขีดเขียนด้วยนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ไม่ลงทุนตามรุ่นเบบี้บูมเมอร์ส โลกเมื่อ 20 ปีที่ทำเกี่ยวกับฟอสซิลรุ่งเรืองมาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ทุกกองยกเลิกการลงทุนหุ้นที่เกี่ยวกับฟอสซิล อีกทั้งทุกคนต้องการกำไร ต้องการเติบโต แม้มีหุ้นปันผลตอนนี้ถือว่าหมดเสน่ห์
ถามว่าจะแก้เกมอย่างไร คือ "ทำใจ" หุ้นไทยหมดเสน่ห์ แต่นักลงทุนจะกลับมาชอบก็ต่อเมื่อไทยมีการเติบโต มันต้องมีอะไรใหม่ๆที่เข้ามาเปลี่ยน
และหากถามว่า เหตุการณ์ยุคไหนหนักที่สุด ส่วนตัวยกให้ "ยุคต้มยำกุ้งหนักสุด" หนักและนาน แต่หากดูกราฟเทคนิคหุ้นไทยตอนนี้เหมือนช่วงต้มยำกุ้งมาก ขอเพียงอย่าหลุด 1,000 จุดถ้าหลุดนี่เหมือนเลย เพราะเสน่ห์ไม่มี ไม่มีโกรท ได้แต่ภาวนาและหวังว่าจะมีจุดพลิกให้กลับมาฟื้น ตอนนี้นอกจากมีศึกใน ยังมีศึกนอกอีก ทั้งที่โครงสร้างไทยดีมาก มีระบบสาธารณูปโภค รอเพียงโอกาสการลงทุน หากไทยสามารถดึงการลงทุนที่เป็นโลกใหม่มาได้จะดีมาก
ถามว่า โอกาสลงทุนหุ้นไทยมีหรือไม่ ?
มองว่ายังมีโอกาสแต่ว่าต้องรอดูว่าตรงไหน ต่างชาติอาจมองไทยไม่มีเสน่ห์ แต่ถ้าวันหนึ่งเกิด Deep Valuation ราคาถูกมาก ต่างชาติอาจหันมามองไทยได้ เชื่อว่าตลาดหลักทรัพย์ฯทำเต็มที่ แต่ไม่รู้จะอย่างไรที่จะเปลี่ยน เพียงแต่ผู้บริหารกองทุนรุ่นใหม่ไม่เล่นฟอสซิล
"ผมอยากมีมากคือระบบโรบอทเทรดที่ผมใช้ได้ เท่าที่ทราบคือบริษัทที่ซัคเซสมีทีมงาน โปรแกรมเมอร์ที่พร้อมและสร้างผลงาน ดังนั้นอยากให้เรียนกราฟเทคนิคเพื่อให้หาจังหวะการเข้าและออกได้อย่างแม่นยำ"
ภาวะตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันยังมีความไม่แน่นอนสูง แม้จะมีโอกาสหาหุ้นเปลี่ยนชีวิตได้ แต่คงไม่ได้อยู่ในหุ้นขนาดใหญ่เหมือนในอดีต แต่อาจอยู่ในหุ้นขนาดเล็กที่นักลงทุนต้องเฟ้นหาข้อมูลอย่างรอบคอบและระมัดระวัง หลายท่านอาจจะมองว่าหุ้นไทยมีโอกาสไปแตะระดับ 2,000 จุด แต่ผมมองว่าหุ้นไทยต้องผ่านด่าน 1,440 จุดให้ได้ก่อนจึงจะเป็นจุดที่ปลอดภัย
โดยหุ้นที่เลือกต้องดูพื้นฐานธุรกิจ แนวโน้มธุรกิจมีโอกาสเติบโตหรือไม่ ข้อมูลฐานะการเงินเปรียบเทียบ P/E Ratio หรือ อัตราส่วนราคาต่อกําไร, Return on Equity (ROE) อัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น อ่านบทวิเคราะห์ ที่สำคัญดูกราฟทางเทคนิคประกอบการลงทุนด้วยเพื่อหาจังหวะเข้าลงทุนและดูสัญญาณการลงทุนของโปรแกรมเทรดด้วย
นอกจากนี้ การกระจายลงทุนในตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depositary Receipt:DR) ที่มีหุ้นต่างประเทศอ้างอิงก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะการไปลงทุนโดยตรงในต่างประเทศต้องเสียภาษี แต่ DR ที่ลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ต้องเสียภาษี
ที่สําคัญหุ้นไทยในปัจจุบันมีข้อจํากัด สภาพคล่องไม่สูง และเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตไม่สูง ส่งผลให้โอกาสที่หุ้นจะเติบโตยังน้อยทําให้พอร์ตปัจจุบันลงทุนหุ้นต่างประเทศ 10% ที่เหลือลงทุนหุ้นไทย.


