RATCH ผนึก SPI เสิร์ฟความรู้ SMR ปูทางลงทุน รองรับแผน PDP
RATCH ร่วมมือ SPI สนับสนุนองค์ความรู้ SMR ในไทย ปูทางลงทุนโรงไฟฟ้า SMR ในพื้นที่นิคมฯ รองรับแผน PDP ฉบับใหม่ เปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างมั่นคงและยั่งยืน
แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ฉบับร่าง ได้มีการบรรจุโรงไฟฟ้าจากเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบโมดูลาร์ (Small Reactor Modular: SMR) ไว้ช่วงปลายแผนในปี 2580 เพื่อเป็นทางเลือกในการผลิตไฟฟ้าของไทย ขนาด 600 เมกะวัตต์
จากแผนดังกล่าว บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH ได้ร่วมกับพันธมิตรทำการศึกษาเทคโนโลยี กฎระเบียบ และประเมินผลกระทบด้านต่างๆ เพื่อเดินหน้าไปพร้อมกับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและสามารถขยายธุรกิจสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
โดยบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH และบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริมและเผยแพร่ความรู้ด้าน Small Modular Reactor เพื่อร่วมกันสนับสนุนกิจกรรมที่ส่งเสริมองค์ความรู้เกี่ยวกับ SMR เพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงสะอาด และตอบสนองความต้องการพลังงานไฟฟ้าสีเขียวของภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการ SMR และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย
ล่าสุด RATCH และ SPI ได้จัดงานสัมมนา “Thailand's SMR Energy Forum - A Global Dialogue on SMR Deployment” แลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับเทคโนโลยี SMR ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่มีศักยภาพในการสนับสนุนยุทธศาสตร์ความมั่นคงด้านพลังงานและการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ของประเทศไทยในปี 2608
การสัมมนาครอบคลุมประเด็นสำคัญที่จะเป็นประโยชน์ต่อการเตรียมความพร้อมสำหรับการนำ SMR มาใช้ในประเทศไทยในอนาคต ได้แก่ การพัฒนาเทคโนโลยีและการออกแบบ การจัดการเชื้อเพลิงและซัปพลายเชน การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย กฎระเบียบและการกำกับดูแล การลงทุน การพัฒนาศักยภาพบุคลากรด้าน SMR และการสร้างการยอมรับของสังคม เป็นต้น
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธานและองค์ปาฐกพิเศษในหัวข้อ “อนาคตของความมั่นคงทางพลังงาน” ระบุว่า โรงไฟฟ้า SMR เกิดขึ้นมากว่า 70 ปี ปัจจุบันเดินเครื่องแล้ว 417 โรง ใน 31 ประเทศ และอยู่ระหว่างก่อสร้าง 61 โรง โดย 31 ประเทศ ประกาศเป้าหมายว่าจะร่วมกันเพิ่มสัดส่วนกำลังผลติไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ให้เป็น 3 เท่า ภายในปี 2593 เทียบจากปัจจุบัน
ส่วนแนวโน้มการใช้เทคโนโลยี SMR ในกลุ่มประเทศอาเซียน เช่น ไทย ร่าง PDP ใหม่ บรรจุโรงไฟฟ้า SMR ขนาด 600 เมกะวัตต์ ไว้ช่วงปลายแผนในปี 2580
เวียดนาม บรรจุนิวเคลียร์ในแผนพลังงานแห่งชาติ (2025) เริ่มดำเนินงานโรงไฟฟ้า 2573-2578 กำลังการผลิตรวม 4-6.4 กิกะวัตต์ (NPP ขนาดใหญ่ 4-6 โรง)
ฟิลิปปินส์ มีเป้าหมายกำลังการผลิตนิวเคลียร์ 1,200 เมกะวัตต์ ภายในปี 2575 เพิ่มเป็น 2,400 เมกะวัตต์ ภายในปี 2578 และ 4,800 เมกะวัตต์ ภายในปี 2593
สำหรับแนวทางการส่งเสริมการพัฒนาโรงไฟฟ้า SMR ได้แก่ การสร้างความตระหนักรู้ให้แก่ประชาชน โดยการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลแก่ประชาชนเกี่ยวกับความปลอดภัยและประโยชน์ของ SMR, การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการใช้ SMR ในประเทศไทย
รวมไปถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับกลุ่มประเทศที่มี SMR และองค์กรพลังงานนิวเคลียร์ระหว่างประเทศ เพื่อผลักดันและสนับสนุนการดำเนินการด้านพลังงานนิวเคลียร์ และการพัฒนาบุคลากรและการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา SMR
นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH กล่าวว่า เทคโนโลยี SMR เป็นทางเลือกหนึ่งที่สามารถช่วยเสริมความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้าให้สามารถรองรับไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้มากขึ้น ลดความเสี่ยงจากไฟตก หรือไฟดับในช่วงเวลาที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงได้เป็นอย่างดี
นานาประเทศได้ขานรับกันอย่างกว้างขวางและมีการพัฒนาเทคโนโลยี SMR รุดหน้าเป็นอย่างมาก ขณะที่ประเทศไทยก็มีแผนที่จะนำ SMR เข้ามาใช้ โดยมีการศึกษาและเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ แล้ว
ในส่วนของบริษัทร่วมมือกับ SPI ในการศึกษาการจัดตั้งโรงไฟฟ้า SMR เพื่อผลิตไฟฟ้าป้อนให้กับผู้ใช้ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของ SPI ซึ่งถือเป็นโมเดลใหม่ในประเทศไทยที่ผู้ใช้ไฟฟ้าและผู้พัฒนาหรือผู้ผลิตไฟฟ้ามาจับมือกัน อาจใช้เวลาอีกกว่า 10 ปี
ส่วนสถานที่จัดตั้งโรงไฟฟ้า SMR บริษัทยังไม่ได้มองไว้ เนื่องจากยังอีกไกล โดยพื้นที่สำหรับโมเดลแรก น่าจะเป็นการมี SMR ใช้ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเอง เพื่อดึงดูดการลงทุนว่าพลังงานในนิคมอุตสาหกรรมนี้เป็นพลังงานสีเขียว
ปัจจุบันมีพันธมิตรจากประเทศต่างๆ เข้ามาพูดคุยหลายประเทศ โดยมูลค่าเงินลงทุนขึ้นอยู่กับขนาดตั้งแต่ 10-300 เมกะวัตต์
นายวิชัย กุลสมภพ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPI กล่าวว่า การขับเคลื่อนเทคโนโลยี SMR อาจฟังดูเป็นเรื่องใหม่ในประเทศไทย แต่ในระดับโลกถือเป็นเทคโนโลยีที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก
โดยคาดหมายว่า SMR จะเป็นส่วนหนึ่งของพลังงานสะอาดที่จะมาแทนที่โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงฟอสซิลในอนาคตในประเทศไทย แม้ยังอยู่ในช่วงของการศึกษาและวางแผน ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการในหลายด้าน ทั้งด้านกฎหมาย การกำกับดูแล การคัดเลือกเทคโนโลยี การเลือกพื้นที่ติดตั้ง และการก่อสร้างโรงไฟฟ้า
SPI เล็งเห็นว่า อนาคตของพลังงานไม่ควรพึ่งพาแหล่งพลังงานรูปแบบเดิมเพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป การหาทางเลือกที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และยั่งยืนจึงเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลายเป็นความท้าทายระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ Carbon Neutrality และพลังงานสีเขียว
นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์บริการ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กล่าวว่า การพัฒนาเทคโนโลยี SMR ในประเทศไทย จะสนับสนุนให้มีการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคม และมีความมั่นคงทางพลังงาน
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเทคโนโลยี SMR ในประเทศไทย ยังมีความท้าทายในการสร้างความเข้าใจและการยอมรับของประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ความมั่นคงและต่อเนื่องทางนโยบาย การเลือกพื้นที่และเตรียมความพร้อม กลไกบริหารจัดการร่วมภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมกับความหลากหลายของเทคโนโลยี
ดังนั้น ประเทศไทยต้องมีความพร้อม และต้องมีโรงไฟฟ้า SMR ซึ่งการกำกับดูแลความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสี ทางสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เป็นหน่วยงานที่มีความพร้มด้านกฎหมาย มาตรฐาน การกำกับดูแลทั้งในภาวะปกติและภาวะฉุกเฉิน และได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ
ทั้งนี้ การจะทำให้เกิดโรงไฟฟ้า SMR ในประเทศไทย ต้องสร้างความเข้าใจและการยอมรับของประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง บริหารความมั่นคงต่อเนื่อง ทั้งทางนโยบายและการขับเคลื่อน การเตรียมความพร้อมทั้งระดับชาติและพื้นที่ และมีกลไกบริหารจัดการร่วมที่ดี (ภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม)


