ราคาหุ้น KTC-XPG-BEC-TPS ฟื้นตัว หลังพ้นวิกฤต Force Sell

ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC, บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG, บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC และ บริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TPS ร่วงฟลอร์หลายวันติดต่อกัน จากกรณีที่ถูกตั้งข้อสงสัยผู้ถือหุ้นใหญ่ถูกบังคับขาย หรือ Force Sell 

ล่าสุดวันนี้ (26 มิ.ย.2568) เวลา 12.23 น. ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น KTC เพิ่มขึ้น 0.94% หรือเพิ่มขึ้น 0.25 บาท มาอยู่ที่ 26.75 บาท ขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 27.75 บาท และลงไปทำราคาต่ำสุดที่ 26.00 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 3,129.86 ล้านบาท

ราคาหุ้น XPG เพิ่มขึ้น 6.67% หรือเพิ่มขึ้น 0.03 บาท มาอยู่ที่ 0.48 บาท ขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 0.51 บาท และลงไปทำราคาต่ำสุดที่ 0.46 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 309.75 ล้านบาท  

ราคาหุ้น BEC เพิ่มขึ้น 8.20% หรือเพิ่มขึ้น 0.15 บาท มาอยู่ที่ 1.98 บาท ขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 2.04 บาท และลงไปทำราคาต่ำสุดที่ 1.91 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 660.89 ล้านบาท

ราคาหุ้น TPS เพิ่มขึ้น 3.05% หรือเพิ่มขึ้น 0.08 บาท มาอยู่ที่ 2.70 บาท ขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 2.78 บาท และลงไปทำราคาต่ำสุดที่ 2.58 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 10.19 ล้านบาท  

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) หรือ UOBKH ระบุว่า ราคาหุ้น KTC, XPG, BEC และ TPS ที่ปรับตัวขึ้น ตลาดประเมินแรงขายจากการถูก Force Sell น่าจะจบแล้ว โดยปริมาณการซื้อขายหุ้น KTC เมื่อวานนี้ (25 มิ.ย.2568) อยู่ที่ 1,071 ล้านหุ้น ขณะที่ KTC มีจำนวนหุ้นที่วางเป็นมาร์จิ้น ณ เดือน พ.ค.2568 ที่ 420 ล้านหุ้น จึงประเมินว่าน่าจะลดสถานะมาร์จิ้นไปได้แล้ว ปัญหาจากถูก Force Sell น่าจะหมดไป

ส่วนเมื่อวานนี้หุ้น XPG ปริมาณซื้อขายอยู่ที่ 2,603 ล้านหุ้น, BEC ปริมาณซื้อขายอยู่ที่ 650 ล้านหุ้น และ TPS ปริมาณซื้อขายอยู่ที่ 14 ล้านหุ้น ซึ่งแต่ละตัวมีปริมาณการซื้อขายที่สูงมากกว่าช่วงก่อนหน้านี้ ทำให้นักลงทุนที่ถูกบังคับขายน่าจะลดระดับมาร์จิ้นไปได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของราคาหุ้นแต่ละตัวขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งการถูก Force Sell จนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงมา เป็นโอกาสให้กับนักลงทุนในการเข้าซื้อ

ด้านนายบุญสม กิจเกษตรสถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TPS เปิดเผยว่า ตามที่ราคาหลักทรัพย์ของ TPS มีการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่องในระยะนี้ และได้รับการสอบถามจากผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสีย เกี่ยวกับสถานะการดำเนินงานของบริษัท

บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า การเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ดังกล่าว เป็นผลจากปัจจัยภายนอกและสภาวะตลาดโดยรวม ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท และมิได้เกิดจากข้อมูลภายใน หรือการดำเนินงานของบริษัทแต่อย่างใด

ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจต่อผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสีย บริษัทขอยืนยันว่าไม่มีข้อมูลภายในที่มีนัยสำคัญซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชน 

การดำเนินธุรกิจของบริษัทยังคงเป็นไปตามปกติและสอดคล้องกับแผนธุรกิจที่กำหนดไว้ โดยฐานะทางการเงินยังคงมีความมั่นคง และบริษัทยังคงยึดมั่นในการปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี กฎเกณฑ์และข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด