posttoday

วิกฤติชายแดน! กัมพูชาสั่งแบนสินค้าน้ำมัน-ก๊าซ ส่อง OR–SCC-CBG–SAV ใครเจ็บ ?

24 มิถุนายน 2568

กัมพูชาประกาศแบนสินค้าจากไทย น้ำมัน–ก๊าซ–อาหารกระป๋องโดนเต็มๆ บล.ดาโอชี้ CBG–OR–SAV เสี่ยงสูง ด้าน "ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนลฯ" ลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มน้ำมัน-ก๊าซ ห่วง SCC อาจโดนลาม

KEY

POINTS

  • กัมพูชาประกาศแบนสินค้าจากไทย น้ำมัน–ก๊าซ–อาหารกระป๋องโดนเต็มๆ
  • บล.ดาโอชี้ CBG–OR–SAV เสี่ยงสูง
  • ด้าน "ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนลฯ" ลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นกลุ่มน้ำมัน-ก๊าซ ห่วง SCC อาจโดนลาม

พลโท อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 วานนี้ 23 มิ.ย.2568 มีคำสั่งให้ปิดด่านไทย-กัมพูชา ทั้งหมด 6 ด่าน 10 จุด ผ่อนปรน ตลอดแนว 6 จังหวัด สระแก้ว สุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ จันทบุรี ตราด โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้

1.งดการผ่านเข้า - ออก ของยานพาหนะทุกประเภท

2.งดการเดินทางผ่านเข้า - ออก ของประชาชน นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติ และการค้าขายทุกประเภท

3.ตามข้อ 1 และ ข้อ 2 อนุญาตให้อำนวยความสะดวกด้านมนุษยธรรม ตามความเหมาะสม และความจำเป็น เช่น ด้านการรักษาพยาบาล การส่งต่อผู้ป่วยต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล กรณีเร่งด่วน และด้านการศึกษาของนักเรียน รวมทั้งการดำเนินการที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน

วิกฤติชายแดน! กัมพูชาสั่งแบนสินค้าน้ำมัน-ก๊าซ ส่อง OR–SCC-CBG–SAV ใครเจ็บ ?

ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มีมุมมองเป็นลบจากข่าวข้างต้น โดยมองว่าการปิดด่านสอดคล้องกับประเด็นข่าวก่อนหน้าที่กัมพูชาแบนสินค้าไทยและสั่งห้ามนำเข้าสินค้าไทยบางประเภท ได้แก่ น้ำมันและก๊าซ ตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 22 มิ.ย.68 และขอความร่วมมือรัฐบาลและผู้ประกอบการงดเว้นการซื้อสินค้ากระป๋องจากไทย

ข้อมูลปี 2024 ไทยมีการส่งสินค้าไปยังกัมพูชา สูงถึง 3.2 แสนล้านบาท และนำเข้าเพียง 4.3 หมื่นล้านบาท ไทยจึงเสียหายมากกว่ากัมพูชา หากมีการแบนเรื่องการซื้อขายสินค้า โดยสินค้า 5 ลำดับแรกที่ไทยส่งออกไปกัมพูชา คือ อัญมณี, น้ำมัน, น้ำตาลทราย, เครื่องดื่ม และเคมีภัณฑ์ โดยอัญมณี น้ำมัน คิดเป็น 17% มูลค่าของส่งออกไปกัมพูชา

ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าการปิดด่านและการที่กัมพูชาแบนสินค้าไทยจะส่งผลกระทบกับหุ้นกลุ่ม Food & Beverage (Energy Drink), กลุ่มพลังงาน, และค้าปลีกแต่มีผลกระทบจำกัดต่อกลุ่มอาหารกระป๋องส่งออก  

โดยมองว่าหุ้น CBG, OR และ SAV จะกระทบมากสุด แต่คงแนะนำซื้อ CBG ราคาเป้าหมาย 79 บาท , OR แนะนำขาย ราคาเป้าหมาย 12.50 บาท และ SAV แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 21 บาท

หั่นน้ำหนักลงทุนหุ้นกลุ่มน้ำมัน-ก๊าซ-SCC

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาจากข้อพิพาทเขตแดนเริ่มตึงเครียดมากขึ้น หลังทหารของทั้งสองฝ่าย ปะทะกันในเดือน พ.ค.68 โดย Cambodianess (สื่อของกัมพูชา) รายงานว่านายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตของกัมพูชา ได้สั่งระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากไทยแล้ว

สำหรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจไทยในกัมพูชา มีดังนี้ OR ในไตรมาส 1/68 มีร้านกาแฟ Café Amazon 254 สาขาและร้านสะดวกซื้อ 71 สาขาอยู่ในกัมพูชา โดย OR ระบุว่า ธุรกิจในกัมพูชามีสัดส่วน 7.8% ของ EBITDA และ 11% ของกำไรก่อนหักรายการพิเศษ (ภายใต้สมมติฐานอัตราภาษีเงินได้ 20%) ในปี 67

รวมถึงธุรกิจโรงกลั่นไทยมีการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันไปยังกัมพูชาเช่นกัน แต่มีสัดส่วนเล็กน้อยในปี 68 ที่ผ่านมา เช่น TOP ที่ 5-8%, IRPC ที่ 3% ส่วน SPRC และ PTTGC ไม่ถึง 1% ขณะที่ผลกระทบต่อ PTT ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ OR ควรจะรวม oil margin จากธุรกิจการค้าระหว่างประเทศผ่านบริษัทลูกในสิงคโปร์ด้วย

ฝ่ายวิเคราะห์ฯเชื่อว่า การส่งออก LNG และ LPG ไปยังกัมพูชามีสัดส่วนน้อยมาก เนื่องจากกัมพูชาไม่มีสถานีรับ-จ่ายก๊าซ LNG (การส่งออก ต้องมีถังบรรจุ ISO) ส่วนการส่งออก LPG จะต้องขนส่งด้วยรถบรรทุกเท่านั้น

นอกจากนี้ SCC มีโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ 1.85 ล้านตันต่อปีในกัมพูชา เทียบกำลังการผลิตโดยรวมปี 2567 ของ SCC อยู่ที่ 33.35 ล้านตันต่อปี ภายใต้ชื่อบริษัท Kampot Cement โดยเปิดมาตั้งแต่ปี 48 ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน (JV 92.5% : 7.5%) ซึ่ง SCC จัดตั้งกับหุ้นส่วนในท้องถิ่นคือ Khaou Chuly Group

โดยฝ่ายวิเคราะห์ฯประมาณการว่า SCC มีปริมาณการขายปูนซีเมนต์ในกัมพูชาเกือบ 2 ล้านตันต่อปีในปี 67 นอกจากนี้ บริษัทยังมีธุรกิจคอนกรีต, ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างและโลจิสติกส์อยู่ในประเทศนี้ ขณะที่รายได้จากกิจการในกัมพูชามีสัดส่วน 2.4% ของรายได้รวมในปี 67

ดังนั้นหากตั้งสมมติฐานราคาปูนซีเมนต์เทาอยู่ที่ 65 เหรียญสหรัฐต่อตัน และ EBITDA margin ที่ 15-17% กำไรสุทธิในปี 68 จะมาจากธุรกิจปูนซีเมนต์ในกัมพูชาประมาณ 515-580 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.5-7.4% ของประมาณการกำไรสุทธิในปี 68

รัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำเคยมีแผนจะเจรจากับรัฐบาลกัมพูชาอีกครั้งเกี่ยวกับเขตแดนทางทะเลในพื้นที่ทับซ้อน (OCA, ใกล้กับอ่าวไทยและแอ่งเขมร) ในปี 67 อย่างไรก็ตามเชื่อว่าโอกาสที่ทั้งสองประเทศจะทำข้อตกลงการพัฒนาร่วมด้านปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนดูจะลดน้อยลงหลังสถานการณ์ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาตึงเครียดมากขึ้น

โดยข้อมูลของสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยแสดงให้เห็นว่า การส่งออกเคมีภัณฑ์ไปยังกัมพูชา ซึ่งส่วนใหญ่เป็น polyethylene, polypropylene, polyethylene terephthalate, polyvinyl chloride มีสัดส่วนเพียง 1.1% ของปริมาณการส่งออกในปี 67 ขณะที่ SCC เผยว่าบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น แต่ฝ่ายวิเคราะห์ฯเชื่อว่าควรต้องติดตามความคืบหน้าด้านการทูต

ฝ่ายวิเคราะห์ CGSI ยังแนะนำให้ลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight) ในกลุ่มน้ำมันและก๊าซของไทยจากความไม่แน่นอนด้านอุปสงค์ เพราะมาตรการภาษีและนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ แต่เล็งเห็น upside risk หากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางความเสี่ยงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด 'บิว ภูริพล' นำทัพ วิ่ง 4x100 ชาย ซีเกมส์2025 วันนี้ 15 ธ.ค.68