EP เตรียม COD วินด์ฟาร์มเวียดนาม 3 แห่ง คาดเริ่ม มิ.ย.นี้
EP ประกาศความพร้อม COD วินด์ฟาร์มเวียดนามอีก 3 โครงการ มั่นใจหลังจากรัฐบาลเวียดนามได้ส่งสัญญาณสนับสนุนอย่างชัดเจนจะทยอย COD ได้ตั้งแต่ มิ.ย.นี้ เป็นต้นไป
นายยุทธ ชินสุภัคกุล ประธานกรรมการ บริษัท อีสเทอร์น พาวเวอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EP เปิดเผยว่า ปัจจุบัน EP มีโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม จำนวน 4 โครงการ รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 160 เมกะวัตต์ โดยมี 1 โครงการ ที่เริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว ขณะที่โรงไฟฟ้าทั้งหมดได้ผ่านกระบวนการตรวจรับการก่อสร้างตามมาตรฐานของรัฐบาลเวียดนาม (Certification of Construction Works Acceptance: CCA) เรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ก.พ.2567 โครงการ Huang Linh 3 (HL3) ได้เริ่มรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่ EVN โดยมีราคาขายไฟฟ้าที่ 1,428.41 ดองเวียดนามต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง หรือคิดเป็นประมาณ 90% ของอัตราสูงสุดที่กระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม (MOIT) กำหนดไว้ที่ 1,587.12 ดองต่อหน่วย
สำหรับอีก 3 โครงการที่อยู่ระหว่างขั้นตอนการอนุมัติจากทางการเวียดนาม มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงการ Huang Linh 4 (HL4) ที่อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายก่อน COD คือ การขอใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้า (Electricity Operation License) ซึ่งคาดว่าจะได้รับการอนุมัติภายในเดือน พ.ค.2568 และจะสามารถ COD ได้ภายในเดือน มิ.ย.2568
ส่วนโครงการที่จังหวัดญาลาย (Gia Lai) ซึ่งอยู่ระหว่างเตรียมออกเอกสารสิทธิการใช้ที่ดิน (LURC) เพื่อนำไปขอใบอนุญาตประกอบกิจการไฟฟ้า (Electricity Operation License) โดยคาดว่าจะสามารถ COD ได้ภายในปี 2568
ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 บริษัทมีรายได้รวม 224.98 ล้านบาท ซึ่งมาจากธุรกิจติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ธุรกิจจำหน่ายพลังงานลม และธุรกิจสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเนื่องมาจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน
“ผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทขอชี้แจงว่าเป็นการขาดทุนทางบัญชีที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง (Unrealized FX Loss) จากการประเมินมูลค่าการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่อยู่ในรูปสกุลเงินต่างประเทศ (USD) ซึ่งต้องมีการแปลงค่าเป็นเงินบาท ณ วันสิ้นงวด ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 21 และมาตรฐานบัญชีที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโครงการในเวียดนามหรือภาพรวมของบริษัทแต่อย่างใด” นายยุทธ กล่าว


