สืบลึกไม้ตายโมเดลทยอยซื้อหุ้นของ GULF จาก INTUCH ถึง KBANK
เจาะกลยุทธ์ทยอยซื้อหุ้นของ GULF ตั้งแต่ INTUCH มาสู่ KBANK ครั้งนี้จะเป็นการซื้อขายและรับเงินปันผล หรือปลายทางต้องการควบคุมการบริหารใน KBANK?
กลยุทธ์การทยอยเข้าซื้อหุ้น ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ของ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แม้ล่าสุดจะมีการแบ่งขายหุ้นออกมา 9,145,900 หุ้น คิดเป็น 0.39% เหลือถือ 109,607,100 หุ้น คิดเป็น 4.63% ก็ตาม จากข้อมูลปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น KBANK ณ วันที่ 16 พ.ค.2568 ถือหุ้นในสัดส่วน 5.33%
กลยุทธ์ดังกล่าวเห็นแล้วคุ้นกันเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมา GULF เคยทำกับ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH มาก่อน
จากการตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน พบว่า ในเดือน มิ.ย.2563 GULF เริ่มเข้าซื้อหุ้น INTUCH สัดส่วน 4.59% ด้วยเหตุผลเพื่อกระจายความเสี่ยงและรับผลตอบแทนจากเงินปันผล
จากนั้นซื้อหุ้นเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือน ส.ค.2563 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 7.99%
ถัดมาในเดือน ต.ค.2563 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 10%
ต่อมาเดือน ม.ค.2564 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 15%
จนกระทั่งในเดือน เม.ย.2564 GULF เข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 18.93%
พอถึงเดือน ส.ค.2564 GULF ประกาศทำคำเสนอซื้อหุ้น INTUCH ทั้งหมด (Tender Offer) และหลังจากนั้นถือหุ้นรวม 42.25% กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ INTUCH
หลังจากนั้น GULF ได้ดำเนินการควบรวมกิจการกับ INTUCH และจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาในชื่อ บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ทุนจดทะเบียน 14,939,837,683 บาท แต่ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ “GULF” เหมือนเดิม เริ่มเข้ามาเทรดวันแรกเมื่อวันวันที่ 3 เม.ย.2568 ที่ผ่านมา
ส่วนปลายทางของการไล่ซื้อหุ้น KBANK คือ GULF ต้องการควบคุมการบริหารใน KBANK ใช่มั้ย?
ประเด็นนี้ “สุวัฒน์ สินสาฎก” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด แสดงความคิดเห็นผ่านเพจเฟซบุ๊ก “AI คิดต่างอย่างพี่หมู - Art of Investment” ไว้อย่างน่าสนใจว่า GULF หาก “ตั้งใจ” จะเข้าควบคุมการบริหารใน KBANK จะต้องทำผ่านการควบคุมผู้ถือหุ้น ที่จะโหวตอนุมัติเลือกกรรมการบริษัท (บอร์ด) ของ KBANK
ผู้เข้าประชุมผู้ถือหุ้น KBANK ใน 2 ครั้งล่าสุด
• การประชุมสามัญผู้ถือหุ้น KBANK วันที่ 9 เม.ย.2568 มีเสียงลงคะแนน 1,333 ล้านเสียง
• การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น KBANK วันที่ 7 พ.ค.2568 มีเสียงลงคะแนน 1,423 ล้านเสียง
โดยหากต้องการควบคุมแบบปกติ จะต้องได้เสียงโหวตมากกว่า 711.5 ล้านหุ้น (50% ของ 1,423 ล้านหุ้น)
KBANK มีจำนวนหุ้นทั้งหมด 2,369 ล้านหุ้น
แต่ GULF ต้องการหุ้นเพียงราว 711.5 ล้านหุ้น จาก 2,369 ล้านหุ้น หรือราว 30% ของหุ้น KBANK ทั้งหมดเท่านั้น!! ก็มีโอกาสได้ควบคุมเสียงส่วนใหญ่ในการแต่งตั้งกรรมการ KBANK ได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม หาก GULF ต้องการที่จะเข้าควบคุมธนาคาร จะต้องเผชิญกับอุปสรรคด้านกฎระเบียบ เนื่องจาก KBANK เป็นธนาคาร
- การถือหุ้น 5% ไม่ต้องการการอนุมัติจาก ธปท. แต่การถือหุ้นในสัดส่วนนี้อาจส่งผลกระทบต่อเพดานการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากการให้สินเชื่อจาก KBANK แก่ GULF จะถือเป็นธุรกรรมกับบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน
- การถือหุ้น 10% ต้องได้รับการอนุมัติจาก ธปท. โดยจะมีการประเมินทางการเงินอย่างละเอียด การประเมินการกำกับดูแล และการตรวจสอบประสบการณ์ในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
- การถือหุ้น 25% ธปท. จะถือว่า GULF เป็นผู้ถือหุ้นหลัก ส่งผลให้ GULF ต้องถูกกำกับการควบคุมด้านกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้น
- การถือหุ้นเกิน 50% จะต้องได้รับการอนุมัติจากทั้ง ธปท. และกระทรวงการคลัง
หากดูกลยุทธ์ในอดีตที่ GULF ใช้กับ INTUCH คือ ไม่จำเป็นต้องถือหุ้นมาก แต่ “มากพอที่จะสร้างอำนาจควบคุมได้” โดยในกรณี ADVANC และ THCOM ใช้การถือหุ้นผ่าน INTUCH
ดังนั้น คาดว่า GULF อาจเข้าถือหุ้นใน KBANK ท้้งทางตรงและทางอ้อม รวมกันราว 10.01-24.99% โดย
- ถือมากกว่า 10% เพื่อให้มากเพียงพอเป็นอันดับ 1 หรือ 2
- ถือน้อยกว่า 25% เพราะจะได้ไม่ถูกกำกับควบคุมโดย ธปท.
- ถือ 7-10% เพราะมากกว่าอันดับ 2 และมีอำนาจแต่งต้้งบอร์ด เพราะผู้ถือหุ้น KBANK กระจายตัวสูงและเกือบทั้งหมด เป็นการถือแทนแบบ Nominee ดังนั้น GULF อาจไม่จำเป็นต้องถือหุ้นมากกว่า 10% ใน KBANK ก็เพียงพอต่อการสร้างอำนาจต่อรองควบคุมได้แล้ว
คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าจะเป็นการซื้อขายและรับเงินปันผลเท่านั้น ตามที่ GULF ประกาศไว้หรือไม่ หรือต้องการควบคุมการบริหารใน KBANK กันแน่!!
อดใจรอกันหน่อย ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว เดี๋ยวคำเฉลยก็เผยออกมาแน่นอน


