posttoday

หุ้นไทยโดน 2 เด้ง! เศรษฐกิจแย่ - แรงขาย MSCI ถล่ม กูรูชี้ทางรอดลงทุน

27 พฤษภาคม 2568

ภาษีทรัมป์ป่วนโลก! หุ้นไทยปิดร่วง 15 จุด ลิเบอเรเตอร์ชี้เกมยังไม่จบ เศรษฐกิจอ่อนแอ การเมืองไม่เสถียร บวกแรงขาย MSCI ถล่มซ้ำ ดัชนีรอบนี้ปรับฐานแรง ลุ้น 1,120 จุดเอาอยู่!

KEY

POINTS

  • ภาษีทรัมป์ป่วนโลก! หุ้นไทยปิดร่วง 15 จุด แตะ 1,163.42 จุด
  • ลิเบอเรเตอร์ชี้เกมยังไม่จบ เศรษฐกิจไทยอ่อนแอ การเมืองไม่เสถียร
  • บวกแรงขาย MSCI จ่อถล่มซ้ำเติมดัชนีรอบนี้ปรับฐานแรง ลุ้น 1,120 จุดเอาอยู่!  

ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายวันนี้ (27 พ.ค.68) อยู่ที่ 1,163.42 จุด ลดลง -15.01 จุด คิดเป็น -1.27% มูลค่าการซื้อขาย 34,845.62 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีขึ้นสูงสุด 1,176.34 จุด และลดลงต่ำสุด 1,159.61 จุด

หุ้นไทยโดน 2 เด้ง! เศรษฐกิจแย่ - แรงขาย MSCI ถล่ม กูรูชี้ทางรอดลงทุน

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวกับ "โพสต์ทูเดย์" ว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกับตลาดเอเชีย เนื่องด้วยขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้น โดยปัจจัยที่กดดันทั่วโลกคือ สงครามการค้าที่ยังไม่มีความชัดเจนเกิดขึ้น นโยบายทรัมป์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาถือเป็นปัจจัยที่กดดันภาพใหญ่

ขณะที่ "ตลาดหุ้นไทย" เผชิญ 2 ปัจจัยกดดันทั้งในเรื่องสัญญาณของเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอ บวกกับการเมืองไทยมีความไม่เสถียร ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคหลุดแนวรับสำคัญจึงเกิดแรงเทขายเพิ่มขึ้น

ประกอบกับในช่วงปลายสัปดาห์นี้มีการปรับพอร์ต MSCI ซึ่งรอบนี้จำนวนหุ้นเอาออกมากกว่าเข้า นั่นหมายความว่ามีโอกาสเกิดแรงขายถล่ม ซึ่งในช่วงนี้ทางกองทุน Active Fund อาจจะลดสัดส่วนออกมาก่อน จากนั้นกองทุนแนว Passive Fund ที่อิงดัชนีตลาดหุ้นไทยจะเกิดแรงขายในวันที่ 30 พ.ค.นี้ เป็นข่าวลบ

"ตามจริงดัชนีหุ้นไทยรอบนี้ไม่ควรหลุดต่ำกว่า 1,180 จุด ตลาดยังอยู่ในขาของการปรับฐานเพื่อรอความชัดเจนจากปัจจัยต่างๆที่จะเกิดขึ้น  ซึ่ง 1180 ไม่ควรหลุดแต่พอหลุดออกมาแบบนี้ตลาดปรับฐานลงมา อีกทั้งเจอแรงขายกองทุน Active Fund และ Passive Fund ดังนั้นต้องรอลุ้นปรับฐานขานี้ก่อน"

สำหรับสายลงทุนต้องยอมรับว่าปัจจัยลบยังไม่จบ ถ้าลงอาจต้องแบ่งไม้ซื้อและหาหุ้นที่ราคาลงแรงสวนทางปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่ไม่เปลี่ยนแปลงถือว่าน่าสนใจ 

ส่วนตัวมองว่าหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลมีการปรับตัวด้านราคาที่ลงมาแรงมาก ขณะที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง คนไม่ป้องกัน อาจทำให้ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในไตรมาส 2/68 ส่วนราคาหุ้นถือว่าลงมาค่อนข้างแรง ในอดีตหุ้นโรงพยาบาลเทรด พี/อี 30 เท่า แต่ปัจจุบันเทรด พี/อี เพียง 15-20 เท่าถือว่าตอบรับข่าวเชิงลบมาระดับหนึ่ง อีกทั้งผู้ป่วยต่างชาติน่าจะกลับเข้ามาในไตรมาส 2 ปีนี้

ดังนั้นคงแนะนำซื้อเก็งกำไร หุ้น "บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9" ถือเป็นหุ้นที่มีพื้นฐานแกร่งที่สุด ภาพกำไรไตรมาส 1/68 เด่น และคาดจะดีต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี คาดได้แรงหนุนจากลูกค้าต่างชาติที่เพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มตะวันออกกลางที่คาดจะมากขึ้นหลังผ่านช่วงเทศกาลถือศีลอดในช่วงเดือนมีนาคมแล้ว ผสานกับแนวโน้มผู้ป่วยในประเทศที่คาดจะเร่งขึ้นเช่นกัน ตามสภาพอากาศที่ค่อนข้างแปรปรวน โดยปีนี้มีฝนตกเร็ว ผสานกับการแพร่ระบาด COVID-19 ที่เริ่มกลับมา ให้ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 28 บาท 

ขณะที่ หุ้นที่มีราคาปรับตัวลงแรงและลึก เหมาะสำหรับซื้อถือลงทุน คงแนะนำหุ้น "บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH" และ "บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH"

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ดัชนีปรับลงจาก 3 ปัจจัย คือ วิตกโควิด-19 กลับมาระบาดรอบใหม่, ดุลการค้าไทยขาดดุลมากสุดในรอบ 27 เดือน และกังวลร่างกฏหมายงบประมาณปี 69 ล่าช้าหลังมีผู้ยื่นฟ้องร่างงบประมาณปี 68 ย้อนหลัง 

โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับลงกดดัชนี คือ กลุ่มอิเล็กฯ (DELTA, KCE, HANA), โรงไฟฟ้า (GULF, BGRIM, GPSC), ธนาคาร (BBL, KBANK, SCB) และกลุ่มท่องเที่ยว (AOT, BA, MINT, CENTEL) ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับขึ้น คือ กลุ่มโรงพยาบาล (BCH, CHG, PR9)

หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ GULF, BGRIM, GUNKUL ร่วงแรงจากปัจจัยลบเดิม กังวลข่าวการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ปรับลดราคารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่มีสัญญา PPA สูงกว่าระดับ 7 เซนต์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง

ซึ่งมีผู้ประกอบการไทยที่มีโรงงานในเวียดนามและมีสัญญา PPA เกินระดับดังกล่าว 4 บริษัท คือ GULF, BGRIM, GUNKUL และ BCPG กรณี worst case หากต้องตั้งด้อยค่าคาดกระทบกำไรปีนี้ของ GULF ราว 1%, BGRIM 8% และ GUNKUL 4% ตามลำดับ 

หุ้น AOT, MINT, CENTEL ลดลงจากผิดหวังตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงต่อเนื่อง ตัวเลขล่าสุด (19-25 พ.ค.) มีจำนวน 463,401 คน เฉลี่ย 66,200 คนต่อวัน ลดลง 0.24%w-w และกังวลข่าว Covid-19 ระบาดรอบใหม่

หุ้น SCC, PTTGC ราคาหุ้นย่อตัวตามส่วนต่างผลิตภัณฑ์ HDPE-Naphtha สัปดาห์ที่ผ่านมา HDPE-Naphtha ลดลงแตะระดับ 357 เหรียญฯต่อตัน ลดลง 0.6%w-w สวนทางตลาดคาดหวังว่าจะฟื้นตัว อย่างไรก็ตามเรายังมองภาพกลางยังดี อิงตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ออกมาดี อาทิ ผลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือน เม.ย. ฟื้นตัวต่อเนื่อง

หุ้น CHG, BCH, PR9 คาดได้ประโยชน์ โควิด-19 กลับมาระบาดรอบใหม่ โดยข้อมูลในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพียงสัปดาห์เดียวพบผู้ป่วยโควิด -19 เร่งขึ้น 65,007 ราย เสียชีวิต 8 ราย ส่งผลให้ยอดสะสม YTD (1 ม.ค.-24 พ.ค.68) เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 204,965 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 51 ราย

หุ้น TOP ปรับตัวเพิ่มขึ้นถือเป็นหุ้น Top Pick ในช่วงเช้านี้ แนะเก็งกำไรรับผลบวกจากค่าการกลั่นไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดค่าการกลั่น ณ โรงกลั่นสิงคโปร์ (26 พ.ค.68) ปรับขึ้นสู่ระดับ 7.4 เหรียญต่อบาร์เรล ใกล้แตะระดับสูงสุดของปีที่ระดับ 7.51 เหรียญต่อบาร์เรลแล้ว

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2