posttoday

หุ้นไทยไม่พ้นขีดอันตราย ระวัง! เขย่าแรง ขีดเส้น 1,120 จุดห้ามหลุด

26 พฤษภาคม 2568

DELTA-ADVANC-SCC นำทีมหุ้นกลุ่มอิเล็กฯ สื่อสาร ปิโตรเคมี และการเงินบวกสดใส หนุนหุ้นไทยแตะ 1,178.43 จุด กูรูเคาะกราฟระยะสั้น-กลางส่อร่วง 1,160-1,120 จุด เปิดโอกาสสะสม

KEY

POINTS

  • แรงซื้อ DELTA-ADVANC-SCC นำทีมหุ้นกลุ่มอิเล็กฯ สื่อสาร ปิโตรเคมี และการเงิน หนุนหุ้นไทยกลับมาบวกแตะ 1,178.43 จุด
  • แต่ยังไม่พ้นจุดอันตราย กูรูเคาะกราฟระยะสั้น-กลางส่อแววร่วง 1,160-1,120 จุด เปิดโอกาสสะสม

ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายวันนี้ (26 พ.ค.68) อยู่ที่ 1,178.43 จุด เพิ่มขึ้น 2.07 จุด คิดเป็น +0.18% มูลค่าการซื้อขาย 27,690.45 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,180.03 จุด ลดลงต่ำสุด 1,168.17 จุด

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า หุ้นไทยกลับมาปิดบวกหลังนักลงทุนอยู่ระหว่างย่อยข้อมูลหลังภาพการค้าไทยเดือน เม.ย. มียอดขาดดุลการค้าเร่งขึ้นเป็น 3.3 พันล้านเหรียญมากสุดในรอบ 27 เดือน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับขึ้นหนุนดัชนี คือ กลุ่มอิเล็กฯ (DELTA, KCE, HANA), ICT (ADVANC, TRUE), ปิโตรฯ (PTTGC, IVL, SCC) และ Finance (MTC, TIDLOR) 

ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลง คือ กลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, BGRIM, GPSC), กลุ่มส่งออกอาหาร (CPF, GFPT, BTG, TFG) และ กลุ่มค้าปลีก (CPAXT, CRC)

หุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่น คือ หุ้น GULF และ BGRIM ปรับลงจากข่าวการไฟฟ้าเวียดนาม (EVN) ปรับลดราคารับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในกลุ่มที่เซ็น PPA และ COD ในโครงการที่มีค่าไฟฟ้าเกินระดับ 7 เซนต์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง

ซึ่งนักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานออกบทวิเคราะห์ประเมินเป็นจิตวิทยาลบกับหุ้นโรงไฟฟ้าที่มีโครงการในเวียดนามและมีค่าไฟฟ้าขายสูงกว่า 7 เซนต์ต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ประกอบด้วย GULF, BGRIM และ GUNKUL

กรณี worst case หากต้องตั้งด้อยค่าจากผลกระทบดังกล่าวจะกระทบกำไร GULF ราว 1%, BGRIM 8% และ GUNKUL 4% ตามลำดับ

ด้านหุ้น CPAXT, CRC ร่วงรับความกังวลงบไตรมาส 2/68 ชะลอตัวหลังผลสำรวจ SSSG เดือน เม.ย. ไม่ดีเฉลี่ย -1.6% จาก -0.4% ในไตรมาส 1/68 อย่างไรก็ตามประเด็นนี้ยังต้องรอ update ผลสำรวจรอบเดือน พ.ค. อีกครั้งหลังเริ่มเห็นบางกิจการมีผลสำรวจ SSSG ที่ดีขึ้นในเดือน พ.ค. อาทิ BJC

หุ้น AMATA, WHA ร่วงรับแรงวิตก Trade war จากข่าวทรัมป์ขู่ขึ้นภาษี EU 50% แม้ล่าสุดทรัมป์จะเลื่อนวันบังคับใช้จาก 1 มิ.ย.ไปเป็นวันที่ 9 ก.ค.68 แต่ข่าวที่เกิดขึ้นสร้างความไม่แน่นอนในเชิงนโยบายให้กับภาคการค้าโลกเป็นจิตวิทยาลบกับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับกระแสการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ

หุ้น CPF, GFPT, TFG ราคาร่วง หลังกระทรวงพาณิชย์ประกาศตัวเลขส่งออกเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 10.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน(y-y) แต่ชะลอตัวจาก +17.8%y-y ในเดือน มี.ค. และต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 12.2% จากปีก่อน อย่างไรก็ตามยังมีกลุ่มสินค้าที่โตเด่นต่อเนื่อง อาทิ กลุ่มไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง เพิ่มขึ้น 8.6%y-y ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 8.8%y-y 

แต่หุ้นที่เกี่ยวข้อง CPF, GFPT, TFG ปรับลงคาดเป็นการขายทำกำไรและ Sell on fact มากกว่าเพราะราคาหุ้นปรับขึ้นไปแล้วล่วงหน้า อิงจากจุดต่ำสุดของ SET Index รอบนี้ คือ 8 เม.ย.68 กับราคาเมื่อวันศุกร์ 23 พ.ค.68 พบว่าราคาหุ้น CPF เพิ่มขึ้น 20.4%, GFPT เพิ่มขึ้น 23.9%, TFG เพิ่มขึ้น 29.3% และ BTG  เพิ่มขึ้น 34.8%

ประกอบกับนักลงทุนเริ่มกังวลกับค่าเงินบาทที่แข็งค่าแตะระดับ 32.45 บาท แข็งค่ามากสุดในรอบ 7 เดือน อาจกระทบความสามารถในการแข่งขัน

ราคาหุ้น KCE, HANA, DELTA เพิ่มขึ้นคาดหวังงบไตรมาส 2/68 ฟื้นตัวต่อเนื่อง รับข่าวกระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกกลุ่มเครื่องคอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์ โตเด่น โดยเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 75.2% จากปีก่อน โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 64.3% และ กลุ่มแผงวงจรไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 39% จากปีก่อน โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 28.1%

หุ้น MINT เพิ่มขึ้น 3% ภาพการท่องเที่ยวรวม โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังอยู่ในช่วงหาฐานหรือจุดกลับตัวหลังจากที่มีจำนวนลดลงจากหลายปัจจัยลบ รวมถึงปัจจัยด้านฤดูกาลที่จำนวนนักท่องเที่ยวมักปรับตัวลงทำจุดต่ำของทุกปีในเดือน พ.ค.

ทำให้การลงทุนหรือเก็งกำไรสำหรับกลุ่มท่องเที่ยวจะเน้นหุ้นที่อิงผลประกอบการจากต่างประเทศ โดยเฉพาะ MINT ซึ่งมีธุรกิจโรงแรมในยุโรปและมัลดีฟเข้าสู่ high season ในไตรมาส 2 ขณะที่มีสัดส่วนรายได้ในประเทศเพียง 13-15% เท่านั้น

ขณะที่ราคาหุ้น WICE, SINO, LEO บวกสดใส ด้วยเป็นกลุ่มผู้ให้บริการโลจิสติกส์ (Freight forwarder) ที่มีสัดส่วน Sea freight สูง มีกระแสเก็งกำไรต่อเนื่องหลังเห็นสัญญาณของดัชนีค่าระวางเรือ Container ฟื้นตัว คาดหวังการเร่งนำเข้าสินค้า (front load) ก่อนผลจากการขึ้นภาษี Reciprocal tax จะมีผลบังคับตั้งแต่ 9 ก.ค.68 เป็นต้นไป 

ขีดสุด 1120 ห้ามหลุด!

นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยทางเทคนิค บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า สัญญาณความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยในระยะสั้นและระยะกลางยังเป็นลบ แต่ภาพในระยะยาวยังเป็นบวก โดยระยะสั้นดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสย่อตัวลงมา แต่ให้เต็มที่รอบนี้ที่ 1,120 จุด ลงได้ 50 จุด แต่ถ้าหลุดต่ำกว่าแนวรับดังกล่าวถือเป็นขาลง

"ใครตกรถรอบก่อน ในช่วงนี้มีโอกาสที่ดัชนีจะย่อตัวลงมาให้ซื้อได้แถว 1,160 - 1,120 จุด ถือเป็นจังหวะให้ตั้งซื้อเก็บสะสม แต่ห้ามหลุดต่ำกว่า 1,120 จุด" 

ข่าวล่าสุด

เปิด Top 3 ดวงขึ้นแรงสุด 12 นักษัตร นักธุรกิจ ใครปัง รับปีม้าไฟ