ส่องหุ้นได้-เสียประโยชน์บาทแข็ง ธปท.ชี้สอดคล้องภูมิภาค
เช็ก! กลุ่มหุ้นได้-เสียประโยชน์จากบาทแข็งค่า ธปท.ชี้แข็งค่าขึ้น 0.5% สอดคล้องเงินสกุลภูมิภาค แต่ยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนสูง ติดตามใกล้ชิด แนะป้องกันความเสี่ยง
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ให้การอนุมัติร่างกฎหมายภาษีและงบประมาณรายจ่าย ด้วยคะแนนเสียง 215 ต่อ 214 เสียง ก่อนส่งต่อไปยังวุฒิสภาเพื่อทำการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ในเดือน มิ.ย.2568 โดยหลักๆ มีการเพิ่มเพดานการหักภาษีของมลรัฐและท้องถิ่น (SALT) สู่ระดับ 40,000 ดอลลาร์ จากเดิม 10,000 ดอลลาร์ สำหรับครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่า 500,000 ดอลลาร์ต่อปี และเพดานจะเพิ่มขึ้นปีละ 1% เป็นเวลา 10 ปี ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐชะลอตัวลง
ก่อนหน้านี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลสหรัฐ จากนโยบายของ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในการปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้น ดอลลาร์อ่อนค่าลง และเงินบาทแข็งค่าขึ้น
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาให้ข้อมูลว่า ในช่วงที่ผ่านมาค่าเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนสอดคล้องกับสกุลอื่นในภูมิภาค โดยตั้งแต่ความตึงเครียดของสถานการณ์การค้าโลกผ่อนคลายลงในช่วงกลางเดือน พ.ค.2568 นักลงทุนเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น 0.5% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ สอดคล้องกับเงินสกุลภูมิภาคที่แข็งค่าขึ้นระหว่าง 0.4-1.1% (แข็งค่า นำโดย อินโดนีเซีย 1.1% เกาหลี 1.1% มาเลเซีย 0.6%)
ในระยะต่อไป ค่าเงินภูมิภาค รวมถึงเงินบาทยังมีความเสี่ยงที่จะผันผวนสูง จากความไม่แน่นอนต่างๆ ทั้งนโยบายการค้า และแนวโน้มการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลัก
โดย ธปท. ยังคงติดตามสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด ขณะที่ภาคเอกชนควรพิจารณาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดการเงิน
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ดอลลาร์อ่อนค่า คาดจะเป็นแรงหนุนให้เม็ดเงินไหลเข้ามาประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market : EM) มากขึ้น สะท้อนจากดัชนี MSCI EMERGING และ DOW JONES มีแนวโน้มสูงขึ้น ในช่วงที่ดอลลาร์อ่อนค่า
ขณะเดียวกัน ดอลลาร์อ่อนค่า ในเชิงเปรียบเทียบหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยประเมินกลุ่มหุ้นที่ได้และเสียประโยชน์กรณีเงินบาทแข็งค่า ดังนี้
กลุ่มที่จะได้ประโยชน์ ประกอบด้วย
- กลุ่มที่มีต้นทุน หรือหนี้สินสกุลเงินต่างประเทศ ได้แก่ GULF, BGRIM, EGCO, PTT,PTTEP, PTTGC, BA, AAV
- กลุ่มที่เน้นการนำเข้า ได้แก่ TFG, TVO
- กลุ่มที่ได้ประโยชน์หาก Fund Flow ไหลเข้า ได้แก่ KBANK, SCB, BBL, TISCO, PTT,PTTEP, PTTGC, OR, IVL, SCC,TOP, CPALL, CRC, ADVANC
กลุ่มที่จะได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย
- กลุ่มส่งออก ได้แก่ HANA, SVI, DELTA,KCE, TU, CPF, GPFT,KSL, STA, NER, STGT,SAT, AH
- กลุ่มท่องเที่ยว ได้แก่ AOT, MINT, CENTEL,ERW
- กลุ่มโรงพยาบาล ได้แก่ BH, BDMS, PR9


