วิชั่น "ศักดิ์ชัย" พลิกเกม SCGC ลุยกรีนพอลิเมอร์-ดิจิทัลโซลูชัน
ยุคที่ปิโตรเคมีโลกดิ่งสู่จุดต่ำ "SCGC" ภายใต้การนำทัพ "ศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ" ไม่เพียงแค่รับมือได้ แต่ยังเดินเกมรุกด้วยนวัตกรรมกรีนพอลิเมอร์และโซลูชันดิจิทัล
KEY
POINTS
- ยุคที่ปิโตรเคมีโลกกำลังดิ่งสู่จุดต่ำสุด "SCGC" ภายใต้การนำทัพ "ศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ" ไม่เพียงแค่รับมือได้ แต่ยังเดินเกมรุกเต็มสูบ
- ด้วยนวัตกรรมพลาสติกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและโซลูชันดิจิทัล "DRS by REPCO NEX" พลิกโฉมวงการบริการอุตสาหกรรม
- พร้อมเดินหน้าโครงการ LSP หวังลดต้นทุนระยะยาวและขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
"วัฏจักรปิโตรเคมีขาลง"รอบนี้ถือว่ารุนแรงและยาวนานกว่าทุกครั้ง นับตั้งแต่โลกเผชิญภาวะวิกฤติโควิด-19 เศรษฐกิจชะลอตัว ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ทำให้ราคาน้ำมันผันผวน
เมื่อต้นทุนการผลิตสูงแต่ราคาขายต่ำยิ่งกดดันยาว ที่สำคัญ "ผู้เล่นบางราย" ผันตัวจากประเทศนําเข้าสู่การเป็นผู้ผลิตและส่งออก
คุณศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC เล่าให้ "โพสต์ทูเดย์" ฟังว่า ผู้เล่นรายใหญ่ที่ว่าคือ "จีน" จากผู้นำเข้าปิโตรเคมีจำนวนมาก แต่แล้วในปี 2019 กลับเปลี่ยนกฎให้บริษัทเอกชนสามารถลงทุนธุรกิจปิโตรเคมีในประเทศได้
กลายเป็นว่าในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 คนหยุดอยู่บ้าน ทำงานที่บ้าน การใช้พลาสติกลดลงทำให้ปี 2021 ยอดขายที่น่าจะเพิ่มขึ้นกลับร่วงต่ำ เหตุซัพพลายไหลเข้าในตลาดเพิ่มขึ้นสวนทางดีมานด์ที่หดหาย
แม้ปัจจุบัน ตลาดปิโตรเคมีอยู่ในภาวะ "ทรงตัว" ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ (Spread) ยังคงที่ตั้งแต่ปลายปี 2567 ถึงต้นปี 2568 จากราคาน้ำมันที่ลดลงเพราะสงครามการค้า แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีผู้ผลิตหลายรายปรับลดกําลังการผลิตลงเนื่องจากมีต้นทุนสูงทําให้ Spread ไม่ลดต่ำไปกว่าเดิม นั่นหมายความว่า "วัฏจักรปิโตรเคมีอาจอยู่ในช่วงต่ำที่สุด"
ถามว่า.. ธุรกิจปิโตรเคมีจะสามารถฟื้นกลับมาได้ช่วงไหน ?
คุณศักดิ์ชัย ย้ำชัดเจนว่า ถ้าพิจารณาจากดีมานด์และซัพพลายในตลาดปิโตรเคมีในปัจจุบัน คาดว่าน่าจะเห็นอย่างน้อยอีก 1-2 ปีข้างหน้า
แต่ถ้าจีนเลื่อนการผลิตบางส่วนในปี 2027-2028 อาจจะไม่ผลิตทั้งหมด หากเป็นตามคาดการณ์คือในบางผลิตภัณฑ์อาจจะยังไม่ปล่อยออกมาหรือล้มเลิกแผน นั่นหมายความว่า ระยะเวลาการกลับมาฟื้นของธุรกิจปิโตรเคมีจะเร็วขึ้น!
ในวิกฤติ มีโอกาส!
เมื่อธุรกิจหลักยังไม่ฟื้นคืน SCGC จึงต้องเร่ง "ลดต้นทุน-ลุยนวัตกรรม เพิ่มสินค้า High Value Added (HVA)" วางกลยุทธ์ชัดเจน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
🔹กลยุทธ์ระยะสั้น
- ปรับกระบวนการผลิต ลดต้นทุนวัตถุดิบและค่าใช้จ่าย ด้วยเทคโนโลยี AI และดิจิทัล
- เพิ่มสินค้า High Value Added (HVA) เช่น พอลิเมอร์สำหรับบรรจุภัณฑ์ อุตสาหกรรมยานยนต์ และวัสดุก่อสร้าง
- เร่งต่อยอดผลิตภัณฑ์ Green Polymer และ PVC สำเร็จรูป
- ขยายธุรกิจ Service Solutions ครบวงจร
🔸กลยุทธ์ระยะยาว
เพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่โรงงาน LSP ประเทศเวียดนาม โครงการ LSPE เพื่อลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มความสามารถการแข่งขัน
ในช่วงต้นปี 2568 ที่ผ่านมา SCGC เร่งเดินหน้าโครงการ LSPE ที่เวียดนาม 3 ภารกิจหลักได้สำเร็จ คือ ลงนามสัญญาระยะยาวซื้อขายก๊าซอีเทนและท่าเรือส่งออก, ลงนามในสัญญาเช่าเหมาเรือขนส่งก๊าซอีเทน (VLECs) และลงนามสัญญาออกแบบ จัดหาและก่อสร้างถังเก็บวัตถุดิบก๊าซอีเทน คาดโครงการแล้วเสร็จในช่วงปลายปีพ.ศ.2570
🌱Green Polymer สินค้าดาวรุ่งตอบโจทย์สิ่งแวดล้อม
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญ คือ การพัฒนา SCGC GREEN POLYMER พอลิเมอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคโนโลยีรีไซเคิลขั้นสูง พร้อมสูตรเฉพาะที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย เช่น เม็ดพลาสติกรีไซเคิลไร้กลิ่นสำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร, พลาสติกคุณภาพสูงสำหรับชิ้นส่วนยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
โดยได้รับการรับรองมาตรฐานระดับโลก GRS (Global Recycled Standard) โดยใช้เทคโนโลยีรีไซเคิลขั้นสูง โดย SCGC ขยายความร่วมมือกับคู่ค้าและเจ้าของแบรนด์ชั้นนําอย่างต่อเนื่อง อาทิ ยูนิลีเวอร์, ไลอ้อน, คาโอ, เจบีพี และโฮมโปร เป็นต้น
"DRS by REPCO NEX" พลิกวงการอุตสาหกรรม
อีกหนึ่งก้าวสำคัญ คือ การเปิดตัว "DRS by REPCO NEX" (DRS : Digital Reliability Service Solutions) ธุรกิจใหม่ในกลุ่ม Industrial Service Solutions ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลดูแลเครื่องจักรภาคอุตสาหกรรมแบบครบวงจร เป็นรายแรกของโลกในบริการ...
- ระบบซ่อมบำรุงอัจฉริยะครบวงจรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล
- ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน
- ดิจิทัลแพลตฟอร์มช่วยบริหารจัดการพลังงานหมุนเวียน
อนาคตการเข้าตลาดหุ้น
หากยังจำกันได้ SCGC เคยเตรียมตัวเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering หรือ IPO) จำนวนไม่เกิน 3.85 พันล้านหุ้น คิดเป็นประมาณ 25.2% ของทุนจดทะเบียนหลัง IPO มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท
เป้าประสงค์เพื่อนำเงินระดมทุนขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ เสริมสภาพคล่อง และปรับโครงสร้างทางการเงิน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการ Long Son Petrochemical (LSP) ในเวียดนาม และการขยายกำลังการผลิตในอินโดนีเซีย
แต่ด้วยสภาวะตลาดหุ้น ภาพรวมอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และเศรษฐกิจโลกไม่เอื้ออำนายอย่างต่อเนื่อง บริษัทแม่อย่าง "บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC" จึงประกาศชัดเจนในวันที่ 28 สิงหาคม 2566 เลื่อนแผนเสนอขายหุ้น IPO ของ SCGC ออกไปอย่างไม่มีกำหนด!!
ผ่านมาเกือบ 2 ปี ในวันนี้หากถามว่า..แผนเข้าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปัดฝุ่นกลับมาพิจารณาอีกครั้งหรือไม่ ? คุณศักดิ์ชัย ยิ้มก่อนตอบชัดเจนว่า "ตอนนี้หนทางยังอีกยาวนานมาก"
นี่คือบทพิสูจน์ฝีมือของผู้บริหาร SCGC แม้เผชิญช่วงเลวร้ายวัฏจักรขาลงของธุรกิจปิโตรเคมี กลับแสดงศักยภาพในการปรับตัวและคิดล่วงหน้า ด้วยการพัฒนาสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง (HVA), พลาสติกรีไซเคิลที่ได้มาตรฐานระดับโลก, ขยายธุรกิจบริการโซลูชันอุตสาหกรรมด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล และการลงทุนโครงการใหญ่ที่เวียดนาม ถือเป็นกลยุทธ์เชิงรุกที่ไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดจนถึงวันนี้ แต่ยังปูทางสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต.


