posttoday

ตลท. ปูทาง "ตั้งกระดานเทรดใหม่" ดึงบริษัท New Economy ต่างชาติเทรด

19 พฤษภาคม 2568

นับถอยหลัง 100 วัน! ภารกิจ "กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์" ก่อนสิ้นสุดวาระประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ เล็งเปิดกระดานเทรดหุ้นใหม่ ดึงบริษัท New Economy ฟื้นตลาดหุ้น

KEY

POINTS

  • นับถอยหลัง 100 วัน! "กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์" ก่อนสิ้นสุดวาระประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ
  • ภารกิจ "ลดความเหลื่อมล้ำ-ส่งเสริมซื้อหุ้นคืน-เปิด กระดานเทรดหุ้น New Economy" ฟื้นตลาดหุ้น!

นับถอยหลังอีกเพียง 100 วันเท่านั้นที่ "ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์" ครบกำหนดวาระดำรงตำแหน่ง "ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)" ในวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ก่อนที่ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะพิจารณาเลือกผู้ดำรงตำแหน่งขึ้นมาแทน หรือพิจารณาต่อวาระเพิ่ม คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนภายในเดือน กรกฎาคมนี้ 

ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานฯ ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ถือเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยถูกมรสุมลูกใหญ่โหมซัด! ในขณะนั้น "ดัชนีหุ้นไทยแตะที่ระดับ 1,100 จุด" แม้จะมีจังหวะที่ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่แล้วกลับร่วงต่ำลง สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงนั้นมีทั้งการฉ้อโกง, ความไม่เท่าเทียมในเรื่องความเชื่อมั่นที่ผันผวนอย่างมากทั้งเรื่อง Short Sell, High Frequency Trading (HFT),โรบอทเทรดที่มีการกล่าวว่าเอาเปรียบผู้ถือหุ้นรายย่อย เป็นต้น 

ตลาดหลักทรัพย์ฯไม่ได้นิ่งเฉย เร่งดำเนินการปรับรูปแบบตามความเหมาะสมให้ผู้ถือหุ้นมีความเท่าเทียมมากที่สุด โดยไม่ให้มี Naked Short หรือการขายหุ้นโดยไม่มีหุ้นในมือจึงปรับให้คนทำชอร์ตเซลต้องมีหุ้นในมือและตอนนี้กำลังเสนอให้หุ้นที่อยู่ใน SET100 สามารถทำชอร์ตเซลได้ นี่คือสิ่งที่ตลาดหลักทรัพย์ฯทำมาตลอด 12 เดือน รวมทั้งปรับเกณฑ์คุณสมบัติของบริษัทจดทะเบียนที่จะเข้ามาเทรดในตลาด SET และตลาด mai เช่นกัน

ตลท. ปูทาง \"ตั้งกระดานเทรดใหม่\" ดึงบริษัท New Economy ต่างชาติเทรด

"ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์" เล่าให้ฟังอีกว่า มาตรการในช่วงที่ผ่านมาที่ประสบความสำเร็จ คือ "โครงการซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock Buyback)" นับตั้งแต่เดือน ม.ค.-เม.ย.2568 มีบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) จำนวน 37 บริษัท ยื่นซื้อหุ้นคืนรวมมูลค่าเกือบ 6,000 ล้านบาท

ถือเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับยอดซื้อทั้งปี 2567 ซึ่งทำให้เม็ดเงินลงทุนใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น ทำให้หุ้นตัวนั้นมีค่าพี/อี และ P/BV ดีขึ้น 

คาดว่าเกณฑ์ซื้อหุ้นคืนโครงการใหม่ได้ทันทีไม่ต้องรอ 6 เดือน และขยายเวลาขายหุ้นที่ซื้อคืนภายใน 3 ปี เป็น 5 ปี จะมีผลบังคับใช้ภายในเดือนพฤษภาคมนี้

เล็งจัดตั้งกระดานซื้อขายหุ้นใหม่

ต่อมาคือ "โครงการ New Economy" เพื่อนำบริษัทใหม่หรือสตาร์ทอัพที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี คลาวด์ ทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย โดยไม่ต้องมีกำไร 3-5 ปีสามารถเข้ามาเทรดได้ หรือบริษัทขนาดใหญ่ อย่าง PTT, SCC และ WHA ที่มีแผนสปินออฟลูกออกมาเทรดสามารถนำมาเทรดในโครงการ New Economy ได้เช่นกัน

"ตอนนี้กำลังพิจารณาตั้งกระดานเทรดใหม่ เพื่อรองรับหุ้นที่จะเข้าโครงการ New Economy จากเดิมที่มีกระดาน SET, mai และ LiveX เบื้องต้นต้องตกผลึกให้ได้ว่าเราจะมีอะไรไปจูงใจให้เขาเข้ามาเทรด เข้ามาเทรดในตล่ดหุ้นไทยแล้วจะได้อะไร อย่างไร คงต้องหาข้อสรุปจตรงนี้"

6 แผนงาน ทำดี-ทำต่อ!

ตลาดหลักทรัพย์ฯยังคงดำเนิน 6 แผนงานสำคัญที่ต้องผลักดันต่อเนื่อง ดังนี้คือ 1.โครงการ JUMP+(จัมพ์พลัส),บอนด์คอนเน็คแพลตฟอร์ม, คาร์บอนเครดิตอีโคซิสเต็ม 

2.New Economy ดึงบริษัทต่างชาติ สตาร์ทอัพ หรือบริษัทใหญ่ที่ต้องการสปินออฟบริษัทลูกให้เติบโตได้เข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นไทยได้

3.โครงการออมเพื่อซื้อหุ้นไทยส่งเสริมการลงทุนระยะยาว (Thailand Individual Saving Account หรือ TISA) โดยให้สิทธิพิเศษยกเว้นภาษีเงินปันผล อีกทั้งในอนาคตอาจสามารถซื้อขายผ่านระบบโทเคน

4.นำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยทำบทวิเคราะห์ให้กับบริษัทจดทะเบียนไทย 5.Family Business และ 6.ผลักดันการแก้กฎหมาย เพื่อวางรากฐานการพัฒนาตลาดทุน

"หวังว่าแผนงานที่ทำกับร่วมกับกระทรวงการคลัง และ ก.ล.ต. ทางตลาดหลักทรัพย์ฯต้องขับเคลื่อนให้ดีที่สุด และสิ่งที่เราทำมา ทำอยู่ และทำต่อไปไม่หยุด และตลอดการทำงานช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ผมว่าผมสอบผ่าน ไม่สอบตก ส่วนการจะได้ต่อวาระหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ก.ล.ต. หากกรุณาให้ผมกลับมา ผมก็พร้อม"