posttoday

BAFS โชว์กำไรสุทธิไตรมาสแรก 143 ล้าน พุ่ง 73% รับทุกธุรกิจโตแกร่ง

16 พฤษภาคม 2568

BAFS รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 พุ่ง 73% แตะ 143 ล้านบาท มีรายได้รวม 967 ล้านบาท โต 12% แรงหนุนจากทุกธุรกิจ สอดรับการท่องเที่ยวฟื้นตัว ท่ามกลางความท้าทายของปัจจัยแวดล้อม

ม.ล. ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2568 ว่า ภายหลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ภาคการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ แม้ว่ายังเผชิญแรงกดดันท่ามกลางความท้าทายของปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ส่งผลให้ BAFS Group ยังคงเติบโตและมีกำไรอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา 

โดยมีกำไรสุทธิ 143.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73% มีอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ด้วยรายได้รวม 967 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่  EBITDA เติบโตมาอยู่ที่ 521.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 

ทั้งนี้ การเติบโตของรายได้ที่เพิ่มขึ้นของ BAFS Group มีปัจจัยสนับสนุนหลัก ดังนี้

กลุ่มธุรกิจ Aviation ยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 1/2568 มีรายได้อยู่ที่ 786.3 ล้านบาท โดยมีปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานอยู่ที่ 1,422 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 88% ของระดับก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นไปตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานรวมของทุกทวีปปลายทาง โดยเฉพาะประเทศจีนที่ยังคงมีปริมาณเติมน้ำมันสูงสุด และตลาดเอเชียใต้ที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง 

ดังนั้น ในปี 2568 คาดการณ์ปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานทั้งปีอยู่ที่ 5,400 ล้านลิตร สะท้อนถึงทิศทางเชิงบวกของอุตสาหกรรมการบินที่กลับมาเติบโตอย่างมั่นคง

กลุ่มธุรกิจ Utilities  เติบโตอย่างก้าวกระโดดในไตรมาส 1/2568 โดยมีปริมาณขนส่งน้ำมันรวมของ บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด อยู่ที่ 363 ล้านลิตร เติบโต 24% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเป็น 37% ภายในปี 2568 ด้วยปริมาณขนส่งน้ำมัน 1,290 ล้านลิตร 

นอกจากนี้ บริษัท บาฟส์ขนส่งทางท่อ จำกัด ยังได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงข่ายท่อขนส่งน้ำมันสายเหนือ ระยะที่ 3 (อ่างทอง-สระบุรี) โดยปัจจุบันมีความคืบหน้าของโครงการราว 14% คาดการณ์ภายหลังจากการเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ จะส่งผลให้มีส่วนแบ่งการตลาดในพื้นที่ภาคเหนือสูงถึง 70% ภายในปี 2570 

สำหรับภาพรวมค่าใช้จ่ายของการดำเนินงาน (ไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย) เพิ่มขึ้น 8% จากค่าผลประโยชน์ตอบแทนจากการดำเนินกิจการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน และค่าซ่อมแซมบำรุงรักษาระบบท่อส่งน้ำมันอากาศยาน 

ในขณะที่ต้นทุนทางการเงินสุทธิลดลง 6% จากการทยอยจ่ายชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงินและจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ สะท้อนการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพและการบริหารคุณภาพสินทรัพย์ที่รอบคอบ พร้อมดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง มุ่งเน้นการเติบโตที่มีคุณภาพและเสริมความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน 

ม.ล. ณัฐสิทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 1/2568 สภาวะเศรษฐกิจของไทยยังคงมีความผันผวน แม้ภาพรวมการท่องเที่ยวของประเทศจะอยู่ในช่วงฟื้นตัว แต่ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ภาวะผลกระทบจากมาตรการกำแพงภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่มีทิศทางปรับลดลงและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการเดินทางระหว่างประเทศและจำนวนนักท่องเที่ยว 

อย่างไรก็ตาม BAFS และกลุ่มบริษัท (BAFS Group) ยังคงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดเติบโตอย่างยั่งยืน เตรียมพร้อมเชิงรุกเพื่อรับมือและเผชิญกับความท้าทายจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ตามยุทธศาสตร์สร้างสมดุลรายได้จากทุกกลุ่มธุรกิจ

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันเสาร์ที่ 13 ธ.ค. 68